xs
xsm
sm
md
lg

กสทช.ตอกกลับข้ออ้าง ทีโอที เน็ตชายขอบช้า ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย (Cyber Weekend)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์
แม้จะได้รับเสียงชื่นชมจากรัฐบาลในการสร้างโครงการเน็ตประชารัฐ 24,700 หมู่บ้านได้เสร็จก่อนกำหนดเล็กน้อย แต่ทีโอที กลับ ตกม้าตาย กับ โครงการเน็ตชายขอบที่ชนะการประมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพราะในขณะที่ผู้ให้บริการรายอื่นสามารถส่งมอบงานลอตแรก 15% ได้ทันตามกำหนดในเดือนมี.ค.2561

แต่ทีโอทีกลับส่งหนังสือขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 80 วัน โดยอ้างว่า มีเหตุสุดวิสัย ที่ไม่สามารถส่งมอบงานได้ทันตามที่ทีโออาร์กำหนด

จนกระทั่งสิ่งที่ซุกไว้ใต้พรมส่งกลิ่นออกมา แสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการที่ไม่ได้เร่งจัดซื้อจัดจ้างว่ามาจากการเอื้อพวกพ้องกันเองเสียมากกว่า แต่ทีโอที ก็ยังคงเถียงหัวชนฝาว่าเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย สุดท้าย กสทช.ได้ตอบกลับเป็นหนังสือถึงทีโอทีลงวันที่ 5 มี.ค. 2561 ชัดเจนทุกประเด็นว่า สิ่งที่อ้างนั้นไม่ได้เรียกว่าเหตุสุดวิสัย แต่เรียกว่าทำงานล่าช้า เพราะบริหารจัดการไม่เป็นมากกว่า

ดังนั้นกสทช.จึงจำเป็นต้องแจ้งการปรับโทษฐานที่ส่งมอบงานล่าช้า ตอกย้ำให้เห็นถึงกระบวนการทำงานของทีโอที ที่ไร้ประสิทธิภาพตามที่เคยถูกแฉออกมา ซึ่งทีโอทีได้แต่ทำหนังสือชี้แจงแบบเอาตัวรอดไปวันๆ ไม่ได้สำนึกถึงความเสียหายขององค์กรที่เกิดจากฝีมือพวกเหลือบริ้นไรใดๆทั้งสิ้น

จัดซื้อจัดจ้างทำได้ไม่เกี่ยวกับกฎหมายใหม่

สำหรับหนังสือตอบกลับของกสทช.ดังกล่าว ประกอบด้วย ประเด็นแรกที่ทีโอทีอ้างว่าไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจาก มีประเด็นปัญหาเกี่ยวกับแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่นั้น ทำให้ทีโอทีต้องหารือกับกรมบัญชีกลางในวันที่ 19 มิ.ย. 2560 แต่ได้รับคำตอบในวันที่ 17 พ.ย. 2560 นั้น

กสทช.เห็นว่า ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย เพราะกสทช.ได้ประกาศอี-ออกชั่น เมื่อวันที่ 1-2 ส.ค. 2560 โดยปกติผู้เข้าประกวดราคาต้องเจรจาจัดหาเครื่องและอุปกรณ์อันเป็นส่วนประกอบของบริการเพื่อคำนวณต้นทุนและราคาที่จะเข้าแข่งขันประกวดราคา ซึ่งหากปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็มีช่วงเวลาที่สามารถบริหารจัดการได้ก่อนที่กฎหมายดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2560 อีกทั้งตามบทเฉพาะกาลแห่งพ.ร.บ.นี้ที่ระบุว่าหน่วยงานของรัฐสามารถดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบกฎหมายที่ปฏิบัติเดิมไปจนเสร็จขบวนการได้อยู่แล้ว จึงเป็นปัญหาเรื่องการบริหารจัดการ ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย

แจ้งจุดเปลี่ยนแปลงติดตั้งอุปกรณ์ล่าช้าเอง

ประเด็นที่สอง การเปลี่ยนแปลงจุดติดตั้ง ที่ทีโอทีอ้างว่าต้องดำเนินการสำรวจพื้นที่จริงโดยละเอียด เนื่องจากพื้นที่ในทีโออาร์บางพื้นที่เป็นเขตอุทยาน หรือ ต้องการย้ายจุดตามความต้องการของประชาชนในหมู่บ้านนั้น

กสทช.เห็นว่า ในทีโออาร์ แนบท้ายสัญญา กำหนดขั้นตอนการดำเนินงานชัดเจน โดยผู้ให้บริการต้องสำรวจสภาพพื้นที่และจุดติดตั้งที่กำหนด พร้อมทั้งจัดทำรายงานผลการสำรวจสภาพพื้นที่ติดตั้งจริง เสนอให้ผู้ใช้บริการพิจารณาและตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนก่อนการติดตั้ง และในคราวการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการตรวจรับพัสดุของสำนักงาน กสทช.กับผู้แทนผู้ให้บริการทุกสัญญาทุกพื้นที่ภายใต้โครงการ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2560 ได้เน้นย้ำและทำความเข้าใจในการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว พร้อมทั้งให้ส่งแผนการดำเนินงาน เพื่อเร่งรัดและส่งมอบโครงการให้ทันกำหนดสัญญาแต่ละงวดอีกด้วย

ต่อมาในวันที่ 10 ธ.ค. 2560 ทีโอทีส่งหนังสือขอความเห็นชอบเปลี่ยนจุดติดตั้งอุปกรณ์ OLT อุปกรณ์กระจายสัญญาณไวไฟ และ Cellular Station ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (คณะย่อย) และที่ปรึกษาตรวจสอบรายละเอียดแล้วพบว่า ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงจุดติดตั้งไม่ถูกต้อง จุดพิกัดมีความซ้ำซ้อน ไม่อาจพิจารณาได้ว่าจุดใดเป็นไปตามที่กำหนด และ / หรือ จุดใดบ้างที่เปลี่ยนแปลงจากที่กำหนดในทีโออาร์

คณะกรรมการตรวจรับพัสดุ (คณะย่อย) ที่ปรึกษา และ ผู้จัดการโครงการของบริษัทได้ร่วมกันตรวจสอบโดยละเอียดและรับไปจัดทำรายงานผลการสำรวจจุดติดตั้งใหม่ทั้งหมด และหากจุดใดมีความถูกต้อง หรือ มีความชัดเจนในการเปลี่ยนแปลงพิกัดแล้ว ให้ทยอยส่งมาตรวจสอบเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินการต่อไป

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2561 จึงเริ่มทยอยจัดส่งมาอีกครั้ง และคณะกรรมการตรวจรับ (คณะย่อย) ร่วมกับที่ปรึกษาได้ทยอยพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่ละจุดติดตั้งไปเรียบร้อยแล้ว จนถึงปัจจุบันบริษัทยังส่งรายงานผลการสำรวจและ/หรือ การเปลี่ยนแปลงจุดติดตั้งไม่ครบถ้วน

ประเด็นนี้จึงเป็นภาระหน้าที่ที่บริษัทต้องดำเนินงานให้เป็นไปตามทีโออาร์ ในขอบเขตของงานแนบท้ายสัญญา ความล่าช้าจึงเกิดจากการดำเนินการไม่ครบถ้วนหรือไม่ถูกต้อง จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัย

เปลี่ยนชนิดไฟเบอร์เองต้องยอมรับในความล่าช้า

ประเด็นสุดท้าย คือ การเปลี่ยนแปลงชนิดของเคเบิลใยแก้วนำแสง จาก ADSS เป็น ARSS ที่ทีโอทีอ้างว่าเสียเวลากับการรอหนังสือตอบกลับให้เปลี่ยนแปลงเป็นเวลา 80 วัน นับตั้งแต่ที่ทีโอทีทำหนังสือสอบถามไปเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2560 - 5 ม.ค. 2561 นั้น
มนต์ชัย หนูสง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทีโอที
กสทช.เห็นว่าเรื่องนี้กสทช.ไม่สามารถตอบเองได้ จึงต้องสอบถามไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งเป็นไปตามระเบียบการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคว่าด้วยหลักเกณฑ์การพาดสายและติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม บนเสาไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค พ.ศ. 2558 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 2558 ข้อ 6.6 'การพาดสายสื่อสารโทรคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2561 เป็นต้นไป สายสะพาน (Messenger Wire) ของสายสื่อสารโทรคมนาคมชนิดตัวนำเส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber) ต้องเป็นอโลหะเท่านั้น'

ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว กฟภ.ก็ไม่ได้ขัดข้อง และ กสทช.ก็ให้แก้สัญญาได้ ซึ่งการแก้ไขสัญญาจำเป็นต้องพิจารณาคุณสมบัติของสายใยแก้วนำแสงทั้งสองชนิดและสืบหาข้อมูลด้านราคาที่ไม่ทำให้ราชการต้องเสียประโยชน์ทั้งด้านคุณภาพและราคา

ดังนั้นระยะเวลาที่เสียไปไม่ใช่เหตุที่ทำให้การบริหารจัดการของบริษัทต้องหยุดหรือล่าช้าออกไป โดยบริษัทยังคงใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณสมบัติถูกต้องตรงตามเงื่อนไขข้อกำหนดของสัญญาได้ จึงไม่ใช่เหตุสุดวิสัยแต่อย่างใด

ไม่สามารถขยายเวลาให้ใครได้ทั้งนั้น

'ฐากร ตัณฑสิทธิ์' เลขาธิการกสทช.ยังออกมาย้ำด้วยว่า 'ไม่สามารถให้ทีโอทีขยายระยะเวลาโครงการออกไปได้ เมื่อต้องส่งมอบงาน 15% ในเดือนมี.ค.ปีนี้ ก็ต้องทำให้เหมือนกับผู้ชนะการประมูลรายอื่น ไม่มีรายไหนที่จะสามารถนำเหตุผลเรื่องเหตุสุดวิสัยมาอ้างได้ นอกจากกสทช.จะเห็นชัดเจนว่าสุดวิสัยจริงๆคืออะไร ทุกคนต้องทำตามทีโออาร์ที่ให้เหมือนกันหมด'

สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ 3,920 หมู่บ้าน จำนวน 8 สัญญา วงเงินรวม 12,989.69 ล้านบาท กสทช.วางเป้าหมายให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 30 Mbps เปิดบริการไม่น้อยกว่า 588 หมู่บ้าน ภายในเดือน ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา และอีก 2,352 หมู่บ้าน ภายในเดือนเมษายน 2561 ก่อนเปิดให้บริการครบ 100% ในเดือนสิงหาคม 2561

ดีอียังอุ้มลูกรักทีโอที

ในขณะที่ทีโอทีทำงามหน้าจากการบริหารจัดการโครงการเน็ตชายขอบไม่มีประสิทธิภาพ แต่ทีโอทีก็ยังเป็นลูกรักของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพราะมีความพยายามในการนำโครงการเน็ตประชารัฐเฟสสอง จำนวน 15,000 หมู่บ้าน ที่กสทช.ควรจะได้ทำ กลับไปเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ เพื่อให้ทีโอทีได้งาน นอกจากนี้ยังนำงบบิ๊กร็อคจำนวน 590 ล้านบาท ให้ทีโอทีสร้างบรอดแบนด์ไปยังโรงเรียนและรพสต.อีก ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการทำงานลักษณะเบิกจ่ายแทนกันเหมือนเดิม และตอนนี้คนวงในทีโอทีก็รู้กันดีว่า โครงการนี้มีการยัดไส้อีกแน่นอน การเล่นแร่ แปรธาตุ ของทีโอที จะมีใครรู้หรือตามทัน จนคนในกระทรวงเมาท์กันให้หึ่งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี 'พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์' หลงคารม 'มนต์ชัย หนูสง' กรรมการผู้จัดการใหญ่ เข้าไปเต็มๆ ทำให้ผู้บริหารทีโอทีบางคนได้อิ่มยาวไปนาน ทั้งๆที่ใครๆก็รู้ว่ากจญ.คนนี้เก่งแต่เรื่องพรีเซ็นต์ โดยเชื่อว่าเป็นการประสานงานกันระหว่างรองๆด้วยกัน
ปลัดกระทรวงดีอี อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย
ขณะที่ปลัดกระทรวงดีอี 'อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย' อธิบายว่า ต้องให้ทีโอทีทำเพราะหากเขียนทีโออาร์จะเกิดความล่าช้า ไม่ทันกำหนดของรัฐบาลที่ต้องติดตั้งให้เสร็จภายในปีนี้ ส่วนเรื่องการซิกแซกของทีโอที ตนเองจะตรวจสอบอย่างละเอียดและรับรองว่าได้ศึกษาข้อมูลและราคาของวัสดุ อุปกรณ์ของโครงการมาเป็นอย่างดีแล้ว ทีโอทีจะหลอกคงยากหน่อย

คนทีโอทีไม่ปลื้ม 'มนต์ชัย'

แม้ว่า 'มนต์ชัย' จะเป็นลูกรักชองดีอี แต่กับพนักงานและเพื่อนผู้บริหารร่วมกันไม่ได้เลิฟด้วย แม้แต่ 'อนุรุต อุทัยรัตน์' รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้ช่วยด้านบรอดแบนด์ทุกภูมิภาคยังส่งหนังสือแสดงความไม่เห็นด้วยในการบริหารงานที่ผิดพลาด แต่กลับโยนความผิดให้คนทำงาน โดยเฉพาะเรื่องตั้งบริษัทลูก NBN co. ที่ทั้งผู้บริหารและพนักงานเริ่มเห็นแล้วว่าควรจะชะลอจริงๆ จนเกิดการรวมตัวขับไล่กจญ.ผู้นี้ แม้ว่าเขาจะความพยายามออกหนังสือชี้แจงปฏิเสธการเป็น 'แพะ' ว่าการทำงานทุกอย่างเป็นไปตามมติครม.ก็ตาม

แต่ในทางกลับกันทำไมกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) อย่าง 'พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ ' ไม่ถูกสหภาพ กสทฯ ที่เข้มแข็งกว่าสหภาพฯทีโอทีขับไล่ แค่นี้ก็เปรียบเทียบกันได้ชัดเจนแล้วถึงความเป็นมืออาชีพในการเป็นผู้บริหารที่ต่างกัน เพราะผลงานที่ทีโอทีทำกับกระทรวงดีอีอาจจะหลอกตาคนในกระทรวงดีอี 0.4 และรัฐบาล ได้ แต่เมื่อทีโอทีเจอของจริงที่ต้องทำตามเงื่อนไขสัญญาของกสทช.แล้ว ทำให้ความเป็นทีโอทีที่แท้จริง ปรากฏให้เห็น

สุดท้ายความเสียหายที่เกิดขึ้น ใครจะรับผิดชอบ หรือ ผู้บริหาร ถนัดแต่รับชอบกันหน้าสลอนอย่างเดียว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น