กลางเดือนมีนาคม 2018 ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ปูพรมเปิดตัวสินค้าใหม่ตระกูลเซอร์เฟส (Surface) ทั่วประเทศหลักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากที่เปิดตัวร้านเซอร์เฟสสโตร์ (Surface store) แห่งแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สิงคโปร์ไปเรียบร้อย ล่าสุดมีการประเมินว่าความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์ จะทำให้วงการคอมพิวเตอร์วางตักในอาเซียนแข่งขันร้อนแรงขึ้น และเริ่มมีสัญญาณบวกแล้วว่ายอดจัดส่งพีซีเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 ปีเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
การเปิดตัวแล็ปท็อปรุ่นใหม่และการรีเฟรชสินค้ากลุ่มแท็บเล็ตทูอินวัน Surface ของไมโครซอฟท์ถูกประกาศอย่างเป็นทางการในประเทศไทยช่วงวันที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา สินค้าใหม่มี 2 รุ่นคือเซอร์เฟสแล็ปท็อป (Surface Laptop) และเซอร์เฟซบุ๊กทู (Surface Book 2)
Surface Laptop ได้รับความสนใจจากทุกคนเพราะเป็นแล็ปท็อปเต็มตัวที่มีเครื่องฝาพับรุ่นแรกของไมโครซอฟท์ ซึ่งผู้บริหารไมโครซอฟท์ย้ำว่า บริษัทไม่ได้ตัดสินใจหวนคืนสู่รูปแบบปกติของคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเพราะต้องพัฒนาสินค้าที่หลากหลายตามความต้องการผู้ใช้ยุคนี้
*** ตอบโจทย์คนชอบเครื่องแรงพกง่าย
ชนิกานต์ โปรณานันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า การเปิดตัว Surface Book 2 และ Surface Laptop ในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นขยายฐานตลาด Surface อย่างจริงจัง เพื่อตอบโจทย์ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล หรือดิจิทัลทรานสฟอร์เมชัน บนพันธกิจหลักของไมโครซอฟท์เพื่อเป็นกลไกสำคัญของทุกคน ทุกองค์กรในการทำงานตามเป้าหมายให้ดีขึ้น
'การสำรวจบอกว่า ปี 2021 ราว 40% ของรายได้ประชาชาติของไทยจะมาจากดิจิทัลทรานฟอร์มเมชัน คิดเป็นมูลค่าราว 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ ราว 2.8 แสนล้านบาท ที่จะเพิ่มขึ้นมา ดังนั้น ดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันเป็นเทรนด์ของประเทศที่จะไป ทำให้อุปกรณ์ หรือดีไวซ์ และระบบสำหรับการทำงานร่วมกัน จะเป็นสิ่งจำเป็นของทุกคน'
Surface เป็นสินค้ากลุ่มฮาร์ดแวร์ ที่ไมโครซอฟท์ เริ่มทำตลาดมานาน 5-6 ปีแล้ว โดย Surface เป็นสินค้าอยู่ในประเภทคอมพิวเตอร์พกพาทูอินวัน (2 in 1) ที่สามารถใช้งานได้ทั้งรูปแบบคอมพิวเตอร์วางตัก และแท็บเล็ต ปัจจุบัน สินค้าหลัก Surface ประกอบด้วย 3 รุ่น คือ Surface Book 2, Surface Pro และ Surface Laptop ซึ่งถือเป็นสินค้า 2 ประเภท คือ แยกจอได้ และแยกจอไม่ได้
เจน ดอร์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจเซอร์เฟส เอเชียแปซิฟิก ไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทไม่ได้วางเป้าหมายว่า ลูกค้าเซอร์เฟสต้องเป็นผู้บริโภค หรือองค์กร แต่จะโฟกัสที่คนที่ต้องการกำลังประมวลผลสูง จุดนี้เจนระบุว่าไมโครซอฟท์ตั้งใจให้ Surface เปลี่ยนวิถีการทำงานของอุปกรณ์ไอที โดยจะทดแทนได้ทั้งพีซี, แล็ปท็อป, แท็บเล็ต รวมถึงปากกาที่ทุกคนใช้กัน
'ไมโครซอฟท์ ลงทุนจริงจังในการบุกตลาดไทย เรารู้ว่า ลูกค้าต้องการแบตเตอรีที่ดี ต้องการปากกา ต้องการใช้หลายรูปแบบในอุปกรณ์เดียว เราจึงเปิดตัวอุปกรณ์ที่เป็นได้ทั้งพีซี แท็บเล็ต และสตูดิโอในการสร้างสรรค์งาน โดย Surface รุ่นล่าสุดมีประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่นก่อน 5 เท่า รวมฮาร์ดแวร์ที่ดีเข้ากับซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการที่ผู้ใช้ชื่นชอบ'
Surface Book 2 และ Surface Laptop ถือเป็นสินค้าล่าสุดของไมโครซอฟท์ตระกูล Surface หลังจากเปิดตัวมา 4 รุ่น โดย Surface Book 2 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อพฤศจิกายน 2017 ขณะที่ Surface Laptop และ Surface Pro ใหม่เปิดตัวที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่พฤษภาคม 2017
การเปิดตัว Surface รุ่นใหม่ในรูปคอมพิวเตอร์วางตักฝาปิดถอดจอไม่ได้ หรือ Clamshell ถือเป็นการเพิ่มจาก Surface รุ่นปกติที่เน้นการใช้งานแบบแท็บเล็ตลูกผสมถอดจอได้ จุดนี้ผู้บริหารไมโครซอฟท์ ย้ำว่า ไม่ได้เป็นเพราะการหวนคืนสู่รูปแบบปกติของคอมพิวเตอร์ แต่เป็นเพราะผลสำรวจระบุว่า ผู้ใช้ต้องการรูปแบบที่วางบนตักแล้วพิมพ์ได้ จึงต้องพัฒนารูปแบบเครื่องฝาปิดแบบปกติ
'เราไม่ได้บอกว่า เป็นการกลับมา เพื่อสร้างคอมพิวเตอร์พกพาแบบเดิม แต่เป็นการนำความเห็นกลับมาแล้วสร้างเป็นสินค้ารูปแบบใหม่ เพื่อเติมเต็มให้ตอบโจทย์ทุกคน เราฟังทั้งความเห็นลูกค้าองค์กร และผู้ใช้ทั่วไป ไม่แยกตามอายุ จากสินค้ารุ่นเดียวจึงถูกแยกเป็น 3 ไลน์ เกิดขึ้นเพื่อสร้างฮาร์ดแวร์ที่รวมประสบการณ์ไมโครซอฟท์ที่ดีที่สุดเข้าด้วยกัน'
***ขายไทยพร้อมสิงคโปร์
ผู้บริหารไมโครซอฟท์ ระบุว่า การเปิดจำหน่าย Surface Book 2 และ Surface Laptop ในประเทศไทย ถือเป็นช่วงเวลาเดียวกับสิงคโปร์ ซึ่งเปิดจำหน่ายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นเดียวกับเกาหลีใต้ รวมถึงมาเลเซีย ซึ่งเปิดตัวก่อนประเทศไทย 1 วัน
สำหรับเป้าหมายรายได้ ผู้บริหารไมโครซอฟท์ ระบุว่า เปิดเผยไม่ได้ แต่เชื่อว่า 5 ตลาดเอเชียที่ Surface ปักหลัก คือ ไทย, สิงคโปร์, นิวซีแลนด์, เกาหลีใต้, มาเลเซีย ล้วนเป็นประเทศที่ยอดขายเติบโตเร็ว โดยจากการขยายไลน์สินค้าจากรูปแบบเดียว เพิ่มเป็น 3 รุ่น เชื่อว่าจะทำให้มีตลาดเพิ่มมากขึ้น
'ช่วง 5-6 ปี ที่เริ่มทำตลาด Surface ตัวแรก การสำรวจช่วงไตรมาส 3-4 ปีที่แล้ว เราพบว่ามียอดใช้งานเติบโตทั่วโลก 1% ยังไม่มีตัวเลขใน APAC'
อย่างไรก็ตาม ไมโครซอฟท์ ขึ้นชื่อเรื่องไม่เคยทำโปรโมชั่นเพื่อลดราคาจำหน่ายฮาร์ดแวร์ แต่มีแผนทำโปรโมชั่นลดราคาซอฟต์แวร์เป็นหลัก ทำให้ยังไม่มีแผนการจับมือกับพันธมิตรรายอื่นนอกเหนือจากภาคธุรกิจที่ทำโครงการให้พนักงานซื้อ Surface เป็นอุปกรณ์ส่วนตัวสำหรับใช้ทำงาน (BYOD) ซึ่งบริษัท KTC เริ่มให้พนักงานซื้อแล้ว
ปัจจุบัน ผู้ใช้ 600 ล้านคนทั่วโลกใช้วินโดวส์ 10 คาดว่าการเปิดตัว Surface รุ่นใหม่จะสามารถครองส่วนแบ่งไม่มากก็น้อยจากตัวเลขการใช้จ่ายสินค้าไอทีคนไทยที่อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี (ตัวเลขปี 2018) คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 6.6% ซึ่งจะช่วยให้ไมโครซอฟท์ขยายเม็ดเงินหมุนเวียน จากที่ทำได้เฉพาะในตลาดซอฟต์แวร์ โดยล่าสุด มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์แท้ในไทยขณะนี้ คือ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12% ต่อปี
***ตลาดพีซีกำลังฟื้น
ความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์อาจทำให้การแข่งขันในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซีอาเซียนตื่นตัว โดยงานวิจัยล่าสุดของไอดีซี (IDC) พบว่าการจัดส่งพีซีทั่วโลกที่ลดลงต่อเนื่อง 2-3 ปีที่ผ่านมา กำลังฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายปี 2017 ทำให้มีโอกาสสูงที่ภาวะการฟื้นตัวจะส่งผลถึงหลายช่วงเวลาของปีนี้
ในภาพรวม การ์เนอร์ (Gartner) พบว่าตัวเลขยอดจำหน่ายตลาดพีซี (รวมแล็ปท็อป) ลดลง 2.8% ในปี 2017 ผู้นำที่สามารถจัดจำหน่ายพีซีรายใหญ่ในวันนี้คือเอชพี (HP) ตามด้วยเลเนอโว (Lenovo), เดลล์ (Dell) และแอปเปิล (Apple) อย่างไรก็ตาม บริษัทวิจัยคู่แข่งอย่าง IDC (International Data Corp) ระบุว่าในช่วงไตรมาส 4 ปี 2017 การจัดส่งพีซีเพิ่มขึ้นทั่วโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี ทำให้ปี 2017 เป็นปีที่ตลาดพีซีมีเสถียรภาพมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2011
ดังนั้น การลงมาเล่นในตลาดฮาร์ดแวร์ของไมโครซอฟท์ แสดงว่าไมโครซอฟท์มีความหวังในการเจาะตลาดนิชที่เฉพาะเจาะจง มากกว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ที่ไมโครซอฟท์เน้นเป็นผู้จัดหาระบบปฏิบัติการ Windows ให้แก่คู่ค้าเช่น HP, Lenovo และ Dell
ปัจจุบัน ไมโครซอฟท์เป็นผู้ออกแบบเครื่องที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในตลาด และแสดงจุดยืนว่ากำลังตั้งเป้าหมายตลาดที่เฉพาะเจาะจง ทำให้บริษัทจำเป็นต้องทำอุปกรณ์ของตัวเองต่อไปอีกหลายปี.