วันนี้ “กลุ่มสิงเทล” ประกาศแผนที่จะเชื่อมกระเป๋าเงินบนมือถือจากบริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มเข้าด้วยกัน ผ่านแพลตฟอร์มกลาง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าใช้จ่ายผ่านบริการของค่ายตัวเองได้แม้อยู่ต่างประเทศ เบื้องต้น เริ่มจากการเชื่อมโยงบริการกระเป๋าเงินสดของสิงเทล เข้ากับพันธมิตรในภูมิภาค โดยเตรียมเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ระหว่างสิงเทล และเอไอเอส เป็นรายแรก
นับเป็นครั้งแรกที่บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือจากผู้ให้บริการในแต่ละประเทศ จะสามารถนำมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการตามร้านค้าที่เป็นพันธมิตรของค่ายมือถือในกลุ่มสิงเทลทั่วเอเชีย ได้อย่างสะดวกสบายเหมือนใช้จ่ายในประเทศตัวเอง
การริเริ่มใช้กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือของแต่ละค่ายแบบข้ามพรมแดนนี้ ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของสิงเทล และพันธมิตรในภูมิภาคที่ต้องการเสริมประสบการณ์การชำระเงินผ่านมือถือให้กับลูกค้าของพันธมิตรทุกราย ซึ่งจะส่งผลดีกับฐานลูกค้ากว่า 590 ล้านคนของกลุ่มสิงเทล ที่เดินทางท่องเที่ยวในทวีปเอเชีย ให้สามารถจับจ่ายใช้สอยด้วยระบบชำระเงินที่คุ้นเคยผ่านมือถือที่สะดวก ปลอดภัย
นายอาเธอร์ แลงก์ (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มสิงเทลอินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ภาพรวมของการชำระเงินผ่านมือถือในเอเชียปัจจุบันมีความหลากหลายอย่างยิ่ง นี่อาจเป็นความท้าทายหนึ่งในการที่จะให้ลูกค้ายอมรับการชำระเงินผ่านมือถือ ดังนั้น ในฐานะที่กลุ่มสิงเทล มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงมุ่งหวังที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มระบบชำระเงินที่เชื่อมกันข้ามพรมแดน โดยเริ่มต้นระหว่างพันธมิตรในกลุ่มที่มีเป้าประสงค์เดียวกัน คือ ต้องการจะลดอุปสรรค พร้อมเพิ่มศักยภาพให้กับระบบการชำระเงินผ่านมือถือในภูมิภาค ด้วยการสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless) ให้ลูกค้าสามารถใช้บริการหรือแอปชำระเงินของค่ายตัวเองได้แม้ระหว่างเดินทางต่างประเทศ รวมถึงช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีโอกาสเข้าถึงฐานลูกค้าหลายร้อยล้านคนได้อย่างง่ายดายผ่านระบบชำระเงินดิจิทัล
ทั้งนี้ ในปี 2560 พบว่ามีตัวเลขนักท่องเที่ยวกว่า 80 ล้านคนเดินทางไปยังประเทศในเอเชียที่กลุ่มสิงเทล ให้บริการ โดยยังมีร้านค้ารายย่อยอีกจำนวนมากที่รับเฉพาะเงินสด ดังนั้น จากการที่ภูมิภาคนี้มีการเข้าถึงบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระดับสูง การชำระเงินผ่านมือถือจึงเป็นทางเลือกที่สะดวก และปลอดภัย สำหรับนักเดินทางที่ไม่ต้องการจะถือเงินสดติดตัวเป็นจำนวนมาก
นายแลงก์ กล่าวเสริมอีกว่า ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มสิงเทล มีความเป็นดิจิทัลมากขึ้น ดังนั้น การที่ลูกค้าในกลุ่มของเราเดินทางในภูมิภาคเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อว่าการพัฒนาให้ลูกค้าสามารถใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือของค่ายตัวเองได้ในต่างประเทศ จะแสดงให้เห็นถึงการผสานจุดแข็งและความร่วมมือของกลุ่มสิงเทลในเอเชีย ได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากทางการไทย และสิงคโปร์ คาดว่าการให้บริการของสิงเทล และเอไอเอส น่าจะเริ่มได้ประมาณกลางปี 2561 ซึ่งจะทำให้ผู้เดินทางกว่า 1.5 ล้านคนที่เดินทางระหว่างไทย และสิงคโปร์ ในแต่ละปี สามารถใช้บริการ Singtel Dash และแอป my AIS กับร้านค้ากว่า 20,000 แห่งทั้งในไทย และสิงคโปร์ ได้อย่างสะดวกสบาย
นายควน มูน ยูเอ็น (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าของสิงเทล กล่าวว่า การเชื่อมโยงกระเป๋าเงินบนมือถือของผู้ให้บริการในกลุ่มนับเป็นการยกระดับการชำระเงินผ่านมือถือของบริการ Singtel Dash ขึ้นไปอีกระดับ ด้วยการเพิ่มช่องทางการชำระค่าสินค้าและบริการ การที่กระเป๋าเงินบนมือถือเชื่อมต่อกัน ทำให้ไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากเมื่อเดินทางต่างประเทศ เราหวังว่า เมื่อเปิดใช้บริการ จะทำให้ลูกค้าของสิงเทลสามารถเพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายใช้สอยด้วย Singtel Dash เมื่อเดินทางมาประเทศไทย
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอส ตื่นเต้นมากกับการเปิดตัวระบบการชำระเงินด้วยกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือข้ามพรมแดนในครั้งนี้ เพราะการเชื่อมโยงระหว่างกัน จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าของเอไอเอส ในการจับจ่ายใช้สอยด้วยแอป my AIS ที่ใช้ระบบชำระเงินของ Rabbit LINE Pay เมื่อเดินทางไปสิงคโปร์
การเชื่อมโยงกระเป๋าเงินบนมือถือครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้เดินทางสามารถใช้บริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์บนมือถือที่เคยใช้ในประเทศของตนเอง เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการในต่างแดนได้ทันที ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้บริการ Dash ของสิงเทลเมื่อเดินทางมายังประเทศไทย ก็เพียงแค่เปิดแอป Dash เพื่อสร้าง QR Code แล้วให้ร้านค้าที่รับชำระผ่าน mPAY สแกน ผู้ใช้บริการจะเห็นจำนวนเงินที่จะทำธุรกรรมทั้งในสกุลเงินบาท และดอลลาร์สิงคโปร์ ก่อนการชำระเงิน ซึ่งจะช่วยให้นักเดินทางไม่ต้องวุ่นวายกับการพกพาเงินสด รวมถึงเผชิญกับปัญหาส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความผันผวน
กลุ่มสิงเทล มีแผนที่จะขยายการให้บริการดังกล่าวไปยังผู้ให้บริการพันธมิตรในภูมิภาค เช่น AirTel อินเดีย, Globe ฟิลิปปินส์ และ Telkomsel อินโดนีเซีย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศ
ปัจจุบัน กลุ่มสิงเทล มีระบบ Open Platform ที่เป็นระบบชำระเงินระหว่างกันของพันธมิตรในกลุ่ม ที่ทำให้ลูกค้ามือถือของกลุ่มสามารถที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ได้ด้วยการเก็บเงินผ่านผู้ให้บริการมือถือของตน หรือตัดจากกระเป๋าเงินบนมือถือได้ทันที และยิ่งมีการเปิดตัวการใช้บริการกระเป๋าเงินข้ามพรมแดนได้ จะยิ่งช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถจับจ่ายใช้สอยแบบไร้เงินสดกับร้านค้าต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกยามเดินทาง