xs
xsm
sm
md
lg

ซุปเปอร์แนป ใช้โซลูชัน EcoStruxure ของชไนเดอร์ ยกระดับดาต้าเซ็นเตอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการลูกค้าทั้งในประเทศไทย และประเทศในกลุ่มอาเซียน พร้อมการันตีอัปไทม์ 100% ไม่ต้องหวั่นระบบล่ม ได้นำโซลูชันอีโคสตรักซ์เจอร์ หรือ EcoStruxure ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาใช้เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ด้านประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานให้กับบริการดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย

นางสุนิตา บ็อตเซ่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า วิสัยทัศน์ของบริษัท คือการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ไปสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ที่มีเทคโนโลยีที่ดี และล้ำหน้าที่สุด ซึ่งรวมเทคโนโลยีระดับโลกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะให้คุณค่ามหาศาลพร้อมโอกาสที่เต็มเปี่ยม

“ดาต้าเซ็นเตอร์ของเรา คือ แบบสแตนด์อโลน สร้างขึ้นตามความต้องการเพื่อรองรับการใช้งานในลักษณะที่เป็น mission critical และช่วยให้ธุรกิจทำงานด้วยศักยภาพสูงสุด”

ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย รับประกันการให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานต่อเนื่องเต็ม 100 % ด้วย สถาปัตยกรรมด้านพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยแบ่งการออกแบบพลังงานไฟฟ้าเป็น 3 ระบบ โดยแต่ละระบบจะมาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในตัว พร้อมระบบสำรองไฟ (UPS) อุปกรณ์ควบคุมและแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า (PDU) ตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะ (RPP) และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนงานต่าง ๆ

ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์ของซุปเปอร์แนป มีระบบโครงสร้างหลังคาสองชั้น (Redundant roof system) ซึ่งเป็นอิสระต่อกัน โดยมีระยะห่างกัน 3 เมตร ซึ่งหลังคาทั้งภายในและภายนอกทำจากเหล็กกล้าที่แข็งแกร่งป้องกันการรั่วซึมของน้ำ และสามารถต้านแรงลมที่มีอัตราความเร็วสูงถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ได้อีกด้วย

“นอกเหนือจากการให้ความสามารถในการรองรับการขยายตัว และความพร้อมในการให้บริการ เรายังมีมาตรฐานด้านความปลอดภัย ทางกายภาพถึง 7 ชั้น ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่า ข้อมูลของตนจะได้รับการดูแลเฝ้าระวังอย่างดีที่สุด”

ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ตั้งบนพื้นที่รองรับการขยายถึง 120,000 ตารางเมตร ได้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนแรกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย ด้วยการออกแบบที่เหมาะสมในลักษณะแบบแยกส่วน (โมดูลาร์ ดีไซน์) โดยตัวอาคารส่วนแรกจะแบ่งออกเป็น 2 เซกเตอร์ ซึ่งแต่ละเซกเตอร์สามารถรองรับเซิร์ฟเวอร์ได้มากถึง 880 แร็ก พร้อมพลังงานไฟฟ้าเพื่อรองรับการทำงานสูงถึง 10 เมกะวัตต์ โดยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดนี้ มุ่งรองรับการใช้งานของลูกค้าทั้งภายในประเทศ และอุตสาหกรรมของประเทศในกลุ่มอาเซียน

ในระยะยาว ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ได้มองการเติบโตเพื่อเป็นศูนย์กลาง (hub) ของภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด โดยจะสร้างอาคารดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอีก 2 หลัง ซึ่งมี 4 เซกเตอร์ พร้อมด้วยกำลังไฟฟ้าที่สูงถึง 40 เมกะวัตต์ ไว้รองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียในอนาคต

***ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ ด้านการใช้พลังงาน

ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ไม่เพียงเน้นความพร้อมการใช้งาน และความสามารถในการรองรับการขยายเพิ่มในอนาคต หากยังให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งแยกพื้นที่ความร้อนในระบบที่เรียกว่า T-SCIF (Thermal Separate Space in Facility) เพื่อประสิทธิภาพของดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ T-SCIF คือ แพลตฟอร์มเพื่อการควบคุมความร้อนได้แบบ 100% ด้วยการแยกช่องทางความร้อนและความเย็นออกจากกัน เพื่อให้มั่นใจว่าความร้อนจะไม่ปะปนเข้าไปในช่องทางการทำความเย็นของดาต้าเซ็นเตอร์ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย คือ ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์รายเดียวในภูมิภาคที่สามารถจ่ายลมเย็นได้ถึง 33 กิโลวัตต์ต่อตู้

“อย่างที่ทราบกันดีว่า ดาต้าเซ็นเตอร์นั้น มีการใช้พลังงานจำนวนมาก แต่ดาต้าเซ็นเตอร์ของเราประหยัด พลังงาน เราสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนฟุตพรินต์ ในการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ และความจุสูง ขณะเดียวกัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ก็ให้ความสำคัญต่อแนวคิดริเริ่มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนี่คือ อีกเหตุผลที่ทำให้เราเลือกชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพราะมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนและแหล่งพลังงานทดแทนสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเรา”

***ชไนเดอร์ อิเล็คทริค พันธมิตรที่น่าเชื่อถือ

ในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการนำโซลูชันแบบครบวงจรเข้ามาใช้ในการตรวจสอบควบคุมสภาพแวดล้อม เพื่อการปฏิบัติงานของดาต้าเซ็นเตอร์

ในฐานะของพันธมิตรระดับโลกที่ได้รับการคัดเลือกสำหรับโครงการนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทำงานอย่างใกล้ชิดกับซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ในการพัฒนาและปรับแต่งโซลูชัน EcoStruxure ให้สอดคล้องกับความต้องการของซุปเปอร์แนป ทั้งเรื่องการออกแบบ และการสร้าง รวมถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์

“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เข้าใจรูปแบบ และข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานของเรา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เข้าใจถึงวิธีการดำเนินงานของเราเป็นอย่างดี โซลูชัน EcoStruxure ของชไนเดอร์ ให้ความยืดหยุ่น สามารถปรับใช้งานได้สอดคล้องตามความต้องการของเรา และสิ่งสำคัญที่สุดที่นับเป็นประโยชน์มหาศาลต่อการทำงานของเราก็คือ เมื่อเราเพิ่มขีดความสามารถให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ออกแบบมาแบบแยกส่วน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะสามารถให้การสนับสนุนในการเพิ่มขีดความสามารถรองรับการเติบโตของเรา”

***แนวโน้มตลาด และลูกค้าเป้าหมาย

นางสุนิตา กล่าวเสริมว่า โอกาสทางการตลาดทั้งในประเทศไทย และประเทศในกลุ่มอาเซียน มีอยู่มากมายมหาศาล เนื่องจากรัฐบาลในประเทศเหล่านี้ต่างมุ่งหน้าสู่การปฏิรูป และกำลังพยายามพัฒนาทั้งในด้านเทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการเชื่อมต่อ ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้น

จากข้อมูลของไอดีซี ภายในปี 2020 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น ความต้องการปริมาณงานเพื่อการใช้แอปพลิเคชันรุ่นต่อไป และสถาปัตยกรรมทางไอทีรูปแบบใหม่ที่สำคัญกับระบบธุรกิจ จะผลักดันให้องค์กรระดับเอนเตอร์ไพร์ซกว่า 40% ต้องพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองให้ทันสมัยมากยิ่ง ขึ้นด้วยการอัปเดตระบบเดิมที่ใช้งานอยู่ หรือไม่ก็ต้องนำระบบใหม่เข้ามาใช้งาน

สำหรับประเทศไทย ตลาดมีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ คลาวด์คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาติดตั้งใช้งาน และจะนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับการขยายขีดความสามารถพร้อมกับให้ความปลอดภัย

ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ธนาคาร และสถาบันการเงิน ธุรกิจด้านประกันภัยกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ ตลอดจนผู้ให้บริการโซลูชันด้านคลาวด์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซข้ามชาติต่าง ๆ

“ในตลาดที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างใช้การแข่งขันด้านราคา เราแนะนำให้ลูกค้าประเมินเปรียบเทียบโดยอาศัยข้อมูลอย่างละเอียดในด้านต่าง ๆ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง ความพร้อมของระบบ ความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการปรับขยายตามความต้องการ ความยืดหยุ่น ความปลอดภัยของการดำเนินงาน และความต่อเนื่องในการทำงาน (uptime) เต็ม 100% ซึ่งคุณค่าต่าง ๆ เหล่านี้ รวมถึงคุณภาพในการบริการ คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น ๆ”

ทั้งนี้ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราช ที่ 2 ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการให้บริการสนับสนุนทั้งภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่มีเป้าหมายในการลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งเป็นเขตการลงทุนใหม่ของรัฐบาลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมในยุคหน้า และเพื่อตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ไปพร้อมกัน

ด้านนายมาร์ค เพลิทิเยร์ ประธานบริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับโซลูชัน EcoStruxure นั้น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำงานในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกันทั้งในระดับของซอฟต์แวร์ และการบริการต่าง ๆ โดยช่วยให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ สามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้าด้วยกัน เพื่อมอบโซลูชันผสานรวมการทำงานในแบบครบวงจรที่ตอบสนองความต้องการของซุปเปอร์แนป ประเทศไทยได้

นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้พัฒนาและปรับแต่งระบบบริหารจัดการโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ DCIM (Data Center Infrastructure Management) ให้ตรงกับความต้องการใช้งาน เพื่อมอบ Tenant Portal ที่ตรงความต้องการใช้งานสำหรับผู้ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ ของซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ที่สามารถล็อก-อินเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บได้โดยสะดวก

“การช่วยให้ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย สามารถมอบบริการดาต้าเซ็นเตอร์ ที่สามารถทำงานต่อเนื่องตลอดเวลาหรืออัปไทม์ 100% ให้แก่ลูกค้าด้วยการใช้แพลตฟอร์ม EcoStruxure ของชไนเดอร์ สร้างความมั่นใจได้ในเรื่องของการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างองค์ประกอบหลัก ๆ ได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อจนถึงแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัย เพื่อช่วยให้ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ทำงานได้อย่างราบรื่น นี่คือ การมอบสิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมในทุกระดับให้กับลูกค้า”


กำลังโหลดความคิดเห็น