เอเซอร์ มั่นใจรักษาการเติบโตสูงกว่าตลาดรวมพีซี ประเมินตลาดเริ่มทรงตัวในแง่จำนวนเครื่องแล้ว แต่ในแง่มูลค่ามีการเติบโตต่อเนื่องเกือบ 20% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากตลาดเกมเมอร์ และเครื่องบางเบา ที่คาดว่าจะเป็นสัดส่วนหลักภายใน 3 ปีข้างหน้า
นายอลัน เจียง กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยและอินโดจีน บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด ให้ข้อมูลว่า ในปีที่ผ่านมา เอเซอร์ยังคงรักษาการเติบโตที่สูงกว่าตลาดรวมของพีซีได้เช่นเดิม จากตลาดรวมพีซี 2.4 ล้านเครื่อง แม้ว่าในส่วนของจำนวนจะไม่ได้เติบโต แต่ในส่วนของมูลค่ารวมเติบโตขึ้นถึง 18.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“ในจำนวนพีซีรวม 2.4 ล้านเครื่องในปีที่ผ่านมาแบ่งเป็นโน้ตบุ๊กราว 1.2 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้เป็นตลาดคอนซูเมอร์ ประมาณ 9.65 แสนเครื่อง ขณะที่ตลาดเดสก์ท็อปจะอยู่ที่ 1.19 ล้านเครื่อง และคาดว่าในปีนี้ก็จะมีจำนวนใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเอเซอร์ก็ตั้งเป้าจะรักษายอดการเติบโตในระดับ 15-20%”
ในตลาดพีซีเอเซอร์มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 20% ถ้ามองเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กเอเซอร์จะมีส่วนแบ่งอยู่ 29% ที่น่าสนใจ คือ ในกลุ่มของโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนถึง 12% เอเซอร์มีส่วนแบ่งในกลุ่มนี้ 32.2% ขณะที่ในตลาดโน้ตบุ๊กแบบบางเบาที่มีสัดส่วน 14% เอเซอร์มีส่วนแบ่งตลาด 31.9%
“ภายใน 3 ปีข้างหน้า ตลาดโน้ตบุ๊กเกมเมอร์ มีโอกาสเพิ่มสัดส่วนเป็น 30% ส่วนโน้ตบุ๊กบางเบา จะมีโอกาสเพิ่มสัดส่วนเป็น 30-40% เนื่องจากเมื่อผู้บริโภคถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่ ก็จะเลือกใช้งาน 2 กลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น”
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า เมื่อมองจากการที่ตลาดรวมของโน้ตบุ๊กในแง่ของจำนวนเครื่องเติบโต 7.05% เอเซอร์เติบโตถึง 10.85% แต่ถ้ามองในแง่ของมูลค่าตลาดรวมเติบโต 12.11% เอเซอร์เติบโต 16.73% แสดงให้เห็นว่า เอเซอร์ยังรักษาตำแหน่งของผู้นำในตลาดนี้ได้เป็นอย่างดี
“โอกาสเติบโตในตลาดเกมเมอร์มีสูงมาก ทั้งจากการที่ภาครัฐเริ่มให้การยอมรับ มองว่าเป็นอีสปอร์ต รวมถึงการที่มีคอนเทนต์ใหม่ออกมาเรื่อย ๆ ก็จะช่วยให้ตลาดฮาร์ดแวร์เติบโตขึ้นต่อเนื่อง”
นอกจากนี้ เอเซอร์จะมีการเสริมรายได้เพิ่มในส่วนของอุปกรณ์เกมเมอร์ (Gaming Gear) โดยเริ่มจากหูฟังไวร์เลส และเมาส์ อนาคตก็จะมีแผ่นรองเมาส์ เก้าอี้เกมเมอร์ ที่คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีให้เลือกหลากหลายรุ่น และหลายระดับราคามากขึ้น และสร้างรายได้ให้แก่เอเซอร์ราว 5%
ขณะเดียวกัน เอเซอร์ยังมองถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ด้วยการเริ่มแนะนำ Next@Acer ที่นำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับสมาร์ทซิตีโซลูชัน การนำอุปกรณ์ IoT มาใช้งาน โดยระบุว่าตอนนี้ตลาดพร้อมแล้ว และลูกค้าพร้อมใช้งานแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการที่จะลงทุน และนำโซลูชันเหล่านี้ไปใช้
ล่าสุด เอเซอร์ได้มีการแนะนำผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กบางเบา 3 รุ่นใหม่ คือ Acer Swift 5 โน้ตบุ๊กที่เน้นความเบาด้วยน้ำหนัก 970 กรัม วางจำหน่ายในราคา 32,990 บาท สำหรับรุ่น Core i5 และ 42,990 บาท สำหรับรุ่น Core i7
ถัดมา คือ Swift 7 โน้ตบุ๊กสุดบางในขนาดหน้าจอ 14 นิ้ว บาง 8.98 มิลลิเมตร วางจำหน่ายในราคา 49,990 บาท และ Switch 7 Black Edition โน้ตบุ๊กขนาดจอ 13.5 นิ้ว ที่สามารถถอดจอได้ มาพร้อมขาตั้งภายในตัว วางจำหน่ายในราคา 59,990 บาท
