กูเกิล (Google) ออกมาประกาศแล้วว่าจะเริ่มบล็อกโฆษณาที่เผยแพร่ทางเบราเซอร์โครม (Chrome) หากตรวจสอบแล้วพบว่า โฆษณาเหล่านั้นไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดของทาง The Coalition for Better Ads ได้ โดยการบล็อกจะเริ่มต้นในวันพฤหัสบดีนี้เป็นต้นไป สำหรับโฆษณาที่สร้างความรำคาญใจ เช่น ป็อบอัปแบบเต็มหน้า ฯลฯ
ตัวแทนจากกูเกิลออกมาเปิดเผยด้วยว่า มีเว็บไซต์อย่างฟอร์บส์, ลอสแองเจลลิสไทม์, ชิคาโกทรีบูน และอินทัชวีคลี่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อยับยั้งไม่ให้เบราเซอร์โครมสามารถบล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์ของพวกเขาได้แล้ว ซึ่งถ้าเว็บไซต์เหล่านี้ไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรฐานของ The Coalition for Better Ad เบราเซอร์โครมก็จะบล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์เหล่านั้น
ความเปลี่ยนแปลงที่จะตามมาบนเบราเซอร์โครมก็คือ ผู้ใช้งานจะเริ่มเห็นข้อความที่ระบุว่า การบล็อกโฆษณากำลังทำงานอยู่ รวมถึงมีออปชันให้ผู้ใช้งานปลดล็อกการบล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์ด้วย
สำหรับโฆษณาที่ทำให้เกิดความรำคาญกับผู้ใช้งานนั้น ทาง The Coalition for Better Ad ได้ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาป๊อปอัป, โฆษณาวิดีโอที่เล่นอัตโนมัติและมีเสียงดัง, โฆษณาที่แสดงขึ้นมาบนหน้าจอและติดแน่นอยู่ตรงนั้นไม่ยอมหายไป, โฆษณาแบบเต็มหน้าจอที่ขึ้นมาบดบังเนื้อหาของเว็บไซต์ ฯลฯ เป็นต้น
แม้จะฟังดูเป็นเรื่องไม่เข้ากันไปสักหน่อย สำหรับกูเกิลที่เป็นบริษัทโฆษณา แต่กลับมาบล็อกโฆษณาเสียเอง แต่ในจุดนี้ หากมองดี ๆ ก็จะพบความสัมพันธ์บางอย่าง นั่นคือ ผู้บริโภคทุกวันนี้รำคาญโฆษณา และจะหาทางปิดโฆษณาให้ได้ถ้ามีโอกาส ซึ่งถ้าเบราเซอร์ของกูเกิลเองไม่มีตัวกรอง หรือไม่มีระบบใด ๆ เพื่อช่วยผู้ใช้งานในจุดนี้ ผู้ใช้งานก็จะไปหาเครื่องมือจากแหล่งอื่นมาใช้อยู่ดี ซึ่งดีไม่ดี เครื่องมือจากภายนอกอาจจะ “บล็อก” โฆษณาทั้งหมดออกไปเลยก็ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงรายได้ของกูเกิลที่จะหดหายไปด้วย ดังนั้น จึงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่กูเกิลจะต้องพัฒนาระบบบล็อกโฆษณาของตัวเองขึ้นมาในที่สุด