ฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช (Forrester Research) เปิดผลวิจัยพบคนรุ่นมิลเลนเนียล (Millennials) คือ ผู้สร้างให้ธุรกิจในกลุ่มแชริ่งอิโคโนมี (Sharing Economy) ในสหรัฐอเมริกา ให้เติบโตได้มากที่สุดในบรรดาผู้ใช้งานทุกกลุ่ม ขณะที่กลุ่มเบบีบูมเมอร์ (Baby Boomers) นั้น จะตรงกันข้าม เพราะเบบีบูมเมอร์ จะรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะใช้งานนั่นเอง
ถือว่าเป็นโอกาสดีทีเดียวสำหรับธุรกิจในกลุ่ม Sharing Economy เช่น อูเบอร์ (Uber) หรือแอร์บีเอ็นบี (AirBNB) ในสหรัฐอเมริกา หลังฟอร์เรสเตอร์ พบเทรนด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการใช้งานของกลุ่มมิลเลนเนียล ซึ่งปัจจุบันเป็นประชากรกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วย โดยมีจำนวนประมาณ 75.4 ล้านคน
สาเหตุที่กลุ่มมิลเลนเนียล ก้าวขึ้นมาช่วยขับเคลื่อน Sharing Economy นั้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้สึกว่า การแชร์สินทรัพย์กับคนแปลกหน้าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือหากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ มีชาวมิลเลนเนียล ประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่รู้สึกไม่สะดวกใจ
ตรงกันข้ามกับกลุ่มเบบีบูมเมอร์ ที่มีผู้กังวลเกี่ยวกับประเด็นนี้ประมาณ 36 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม เรื่องของกฎหมายก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจนี้เกิดหรือไม่เกิดได้เช่นกัน แต่ในมุมของชาวมิลเลนเนียลแล้ว มีแค่ 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่บอกว่ากังวลเรื่องกฎหมาย จากการเกิดความเสียหายในระหว่างที่มีการแชร์ทรัพย์สินไปใช้งาน
สำหรับสิ่งที่ทำให้ชาวมิลเลนเนียล กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหญ่ของ Sharing Economy มาจากไลฟ์สไตล์ของชาวมิลเลนเนียลเองที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ในการใช้งานมากกว่าสนใจที่จะครอบครองตัวสินค้า (47 เปอร์เซ็นต์) และการใช้งานบริการของ Sharing Economy สามารถทำให้ชาวมิลเลนเนียลมีความสุขมากขึ้นจากการเรียกใช้บริการต่าง ๆ ได้แบบออนดีมานด์