xs
xsm
sm
md
lg

ทุกมุมต้องศึกษาก่อนลงทุน “JFin Coin”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจมาร์ท เร่งตอบคำถามนักลงทุน หวังใช้ JFin Coin เป็นกรณีศึกษาให้เข้าใจในเงินตราสกุลดิจิทัล ภายใต้เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่เกิดขึ้น และจะเป็นเทรนด์ที่สำคัญในอนาคต ยืนยันว่า เงินทุกบาทที่ทำ ICO จะถูกนำไปใช้เพื่อการพัฒนาระบบสินเชื่อดิจิทัลแบบไม่มีตัวกลาง ชี้ผู้ที่สนใจลงทุน ICO ควรดูพื้นฐานธุรกิจด้วย

นายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด (JVC) กล่าวว่า ตอนนี้ความเข้าใจของนักลงทุนในเรื่องของเงินดิจิทัลถือว่ามีน้อยมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ Blockchain เงินดิจิทัล (Cryptocurrency) รวมถึงสกุลเงินอย่างบิตคอยน์ (Bitcoin) ทำให้ต้องมีการออกมาแนะนำ และให้ความรู้ในเรื่องเหล่านี้

“เมื่อเจมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ตลาดหลักทรัพย์ ประกาศทำ ICO ออกมา เชื่อว่าจะมีนักลงทุนหลาย ๆ รายให้ความสนใจ และพร้อมที่จะให้ JFin Coin กลายเป็นกรณีศึกษา เพื่อให้คนเข้าใจการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น และแน่นอนว่าก็ต้องทำงานคู่กับทั้ง ก.ล.ต. และ ตลท. ด้วย”

ขณะเดียวกัน ย้ำว่า ถ้าในอนาคต เมื่อ ก.ล.ต. หรือ ตลท. มีการออกกฎเกณฑ์ หรือประกาศใด ๆ ก็ตามเกี่ยวกับเงินสกุลดิจิทัลออกมา ทาง JFin Coin ก็พร้อมที่จะปรับตามให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือในกรณีที่แย่ที่สุด คือ ไม่เกิดการยอมรับ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนตลาดที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนไปใช้ตลาดต่างประเทศแทน

พร้อมระบุว่า JFin Coin ถือเป็นเงินในสกุลดิจิทัลที่ออกมาในรูปแบบของ Utility Token ที่สามารถนำเหรียญไปใช้งานได้ในอนาคต ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ถูกมองว่าเป็นหลักทรัพย์ตามนิยามในปัจจุบัน เป็นคนละสกุลเงินกับ Bitcoin ที่ในบางประเทศได้รับการยอมรับในการใช้แทนเงินแล้ว

เบื้องต้น เงินระดมทุน 660 ล้านบาทที่ได้มา (ในกรณีที่ขาย JFin Coin หมด 100 ล้านเหรียญ) หลัก ๆ แล้วจะถูกแบ่งมาลงทุนเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มสินเชื่อดิจิทัลแบบไม่มีตัวกลาง (Decentralized Digital Lending Platform: DDLP) ราว 70% ส่วนอีก 20% จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการ

“ในอนาคต มีโอกาสที่จะนำระบบ DDLP ไปใช้ในการปล่อยสินเชื่อทั้งจาก เจฟินเทค และซิงเกอร์ ที่เป็นบริษัทในเครือ รวมถึงถ้ามีธนาคาร หรือองค์กรธุรกิจ ที่สนใจนำระบบดังกล่าวไปใช้ ก็มีโอกาสในการสร้างรายได้จากแพลตฟอร์มดังกล่าว”

นายธนวัฒน์ ยังให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจลงทุนใน ICO อีกว่า ที่ผ่านมา การระดมทุน ICO ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากบริษัทสตาร์ทอัป หรือการสร้างเงินสกุลดิจิทัลขึ้นมา โดยไม่มีพื้นฐานทางธุรกิจรองรับ แต่สิ่งที่ JVC ทำ คือ เป็นการระดุมทุนบนพื้นฐานของเจมาร์ท ที่จะมีการนำ JFin Coin ไปต่อยอด มีการนำแพลตฟอร์มไปใช้งานเพื่อให้เกิดรายได้

“ถ้าอยากลงทุน ICO ประเด็นสำคัญเลย คือ ให้ย้อนกลับไปดูที่โมเดลธุรกิจที่เกิดขึ้นว่า อยู่บนอีโคซิสเตมส์ที่ดีหรือไม่ เมื่อได้เงินลงทุนไปแล้ว จะสามารถสร้างรายได้จากการลงทุนได้หรือไม่ ถ้าทุกอย่างตอบโจทย์ชัดเจน ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เหมือนการดูพื้นฐานของบริษัทก่อนลงทุน”

อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขาย JFin Coin ที่จะเริ่มเปิดพรีเซลในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ก่อนเปิดซื้อขายจริงในช่วงวันที่ 1 มีนาคม จะเกิดขึ้นบนกระดานซื้อขายเงินดิจิทัล TDAX ซึ่งเป็นกระดานซื้อขายเงินดิจิทัลของคนไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานของ JFin Coin ด้วย

ส่วนในอนาคต ถ้าเกิดทาง ก.ล.ต. มองว่า เงินดิจิทัลได้รับการยอมรับแล้ว ต้องการที่จะเปิดกระดานซื้อขายขึ้นมา ทาง JVC ก็พร้อมที่จะทำตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต. ในการนำสกุลเงิน JFin Coin เข้ามาเทรดบนกระดานที่ถูกกำกับดูแลที่ชัดเจน

ทั้งนี้ ทาง JFin Coin ได้มีการเปิดเผย White Paper สำหรับการลงทุนใน JFin Coin ผ่านหน้าเว็บไซต์ https://www.jfincoin.io/ แล้ว ผู้ที่สนใจในรายละเอียดต่างๆ สามารถเข้าไปอ่านได้


กำลังโหลดความคิดเห็น