“อีส แอม อาร์ ดอทเน็ท” รุกตลาดโซเชียลเปิดตัวโปรแกรม Blastmetric ตอบโจทย์การทำตลาด Viral Marketing แบบครบวงจร ตั้งเป้าเบอร์ 1 ด้าน Viral Solution Company ของไทยภายในปี 2562 เผยผลประกอบการปี 2560 เติบโตจากปีก่อนหน้าแบบก้าวกระโดดถึง 197% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 100 ล้านบาท
นายจักรพันธ์ พวงแก้ว กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีส แอม อาร์ ดอทเน็ท จำกัด (IsAmAre) กล่าวว่า จากคอนเซ็ปต์ Viral Solution ทำให้ทางบริษัทมุ่งพัฒนางานบริการอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่มาของโปรแกรม Blastmetric ซึ่งเป็นเครื่องมือเสริมกลยุทธ์ทางการตลาดไวรัลและโซเชียลมีเดียครั้งแรกของไทย เพื่อสร้างแต้มต่อความได้เปรียบทางธุรกิจ และกลายเป็นสูตรสำเร็จทางการตลาดที่สามารถวัดผลได้จริง และรับประกันความพึงพอใจ จนได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากลูกค้าบริษัทชั้นนำ
บริษัทมีความโดดเด่นในการให้บริการด้าน Viral Marketingแบบ One-Stop Service ที่ครบวงจรตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ในการทำตลาด มีการใช้ทักษะความรู้ความเชี่ยวชาญในการออกแบบและผลิตสื่อ รวมไปถึงการใช้เครื่องมือในการวางแผนการสร้างสรรค์สื่อเพื่อทำตลาดบนโซเชียลมีเดีย และโลกออนไลน์ และการใช้ผู้มีอิทธิพลทางความคิดบนโลกออนไลน์ หรือผู้มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลที่คุ้มค่าแก่ลูกค้า
“จุดนี้ทำให้เราแตกต่างจากรายอื่น ๆ เพราะเราไม่ใช่แค่รับบรีฟงานมาแล้วทำเลย แต่เราให้คำปรึกษาและวางกลยุทธ์ในการทำสื่อเพื่อให้ออกมาโอเคที่สุด บวกกับสิ่งที่เราโฟกัส คือ การมีระบบ Social Media Tracking Tool ซึ่งได้ร่วมมือกับบริษัท IT Partner เพื่อนำระบบ Blastmetric มาช่วยวางแผนและจัดการการใช้สื่อออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด”
สำหรับโปรแกรม Blastmetricนั้น บริษัทได้ทำระบบและเก็บข้อมูลพร้อมทดลองใช้มากว่า 1 ปีสามารถช่วยรับประกันงาน Viral ว่าสามารถจะ Go Viral ได้จริง เพราะช่วยทำงาน 3 ด้านหลัก คือ 1. Facebook Media Planning 2. Campaign Monitoring Optimization Real-time 3. Reportingโดยระบบนี้สามารถวัดผลได้จริง ลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ ทำให้เกิดความพึงพอใจกับลูกค้า
ส่วนกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มลูกค้าที่ต้องการทำ Viral Marketing หรือกลุ่มที่ต้องการความคุ้มค่าของงบประมาณที่ลงไป รวมไปถึงกลุ่มเอเยนซีที่มีงาน TVC, Viral VDO, Web Film ที่ต้องการลงโซเชียล มีเดีย แต่ไม่มั่นใจกับผลที่จะได้รับ และกลุ่มลูกค้า SMEs ที่มีงบการตลาดประมาณ 3-15 ล้านบาท
ด้านกลยุทธ์การทำตลาดที่เป็นจุดแข็งแตกต่างจากคู่แข่ง คือ เป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่กล้าประกาศตัวเป็น Viral Guarantee Company อีกทั้งยังจับมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะกับ Influencers Companies
“บริษัทได้เปิดให้บริการมาแล้วเป็นเวลา 2 ปี มีผลประกอบการที่ดี มีการเติบโตจากปีแรก 34 ล้านบาท และในปี 2560 คาดว่าจะเติบโตจากปีที่ผ่านมาถึง 197% หรือคิดเป็นรายได้กว่า 100 ล้านบาท โดยมั่นใจว่า ภายในปี 2562 บริษัทจะขึ้นเป็นผู้นำด้าน Viral Solution Companyเบอร์ 1 ของไทยได้อย่างแน่นอน ภายใต้แนวคิด Viral Guarantee ที่เป็นจุดแข็งสำคัญ” นายจักรพันธ์ กล่าว
ในส่วนภาพรวมตลาดของธุรกิจดิจิทัลเอเยนซีในปัจจุบัน และอีก 2-3 ปีข้างหน้านั้น งาน Above the Line จะหดตัวลงแน่นอน สวนทางกับงาน Online จะเติบโตขึ้นอีกมาก ซึ่ง Viral Marketing จะกลายมาเป็น New Generation TVC โดย E-Commerce จะเติบโตอย่างมาก และ Micro Influencers จะมีผลกับตลาดนี้มากและเติบโตไปด้วยกัน อีกทั้งจะมีการปรับตัวขนานใหญ่ของ Agency Service Staffs
สำหรับผลงานที่ทำให้บริษัทเป็นที่รู้จัก และได้รับกระแสตอบรับที่ดีในโลกออนไลน์ ได้แก่ ครีมแต้มสิว Tomei ของบริษัท TC Pharma ทั้ง 2 ภาคที่มียอดวิวการเข้าชมรวมกันมากกว่า 30 ล้านวิว, NZen Gel ที่มียอดวิวรวมกันมากกว่า 13 ล้านวิว, Kindness Cream ที่มียอดวิวรวมกันกว่า 10 ล้านวิว ตลอดจน MV ช้างศึกของแบรนด์เถ้าแก่น้อย ซึ่งได้ทำขึ้นมาเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับทีมชาติไทย และแฟนบอลชาวไทย
