จากการออกมายอมรับของแอปเปิลว่า บริษัทได้มีการลดความเร็วในการทำงานของซีพียูในไอโฟนรุ่นเก่าลงมาเป็นปีแล้วพร้อมบอกเหตุผลว่าเป็นการทำเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้บริโภคต้องอัปเกรดสมาร์ทโฟนใหม่เร็วเกินไปนั้น ล่าสุด ได้มีการออกมาแสดงความคิดเห็นจากหลายฝ่ายที่ว่า แอปเปิลยังมีทางเลือกอื่น ๆ ที่ดีกว่าอยู่อีกมาก
หนึ่งในนั้น คือ ไคล์ เวนส์ (Kyle Wiens) ซีอีโอจากไอฟิกซ์อิท (iFixit) บริษัทที่ให้บริการซ่อมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ โดยเขาได้กลับไปดูที่แมนนวลของไอโฟน และพบว่า แอปเปิลนั้นมีการเน้นย้ำให้ผู้ใช้งานทราบว่า แบตเตอรีนั้นมีการเสื่อมลงตลอดเวลา รวมถึงแนะนำว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรีด้วย ในจุดนี้ไคล์ มองว่า หากแอปเปิลมีการเชื่อมโยงสองจุดนี้เข้าด้วยกัน และเน้นย้ำให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักมากขึ้นว่าควรจะเปลี่ยนแบตเตอรีเมื่อชาร์จไปแล้วประมาณ 500 ครั้ง ก็จะสามารถลดความสูญเสียด้านภาพลักษณ์ครั้งใหญ่นี้ได้
หนทางแก้ไขที่สอง คือ แอปเปิลอาจพัฒนาชุดคิตสำหรับเปลี่ยนแบตเตอรีออกมาขาย เพื่อให้ผู้บริโภคเปลี่ยนเองได้โดยง่าย แทนที่จะไปแก้ซอฟต์แวร์ภายในเครื่องให้ทำงานช้าลงแบบที่เป็นอยู่ แต่ข้อนี้แอปเปิลได้ออกมาโต้แย้งว่า ถ้าทำอย่างที่แนะนำมาด้วยการขายชุดคิตที่ให้ผู้บริโภคเปิดเครื่องไอโฟนเพื่อเปลี่ยนแบตเตอรีได้เอง จะกลายเป็นว่า ไอโฟนมีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกเพิ่มขึ้นมาก รวมถึงอาจถูกลอกเลียนแบบได้ด้วย
ถ้าโซลูชันที่สองตกไป โซลูชันที่สาม คือ แอปเปิลสามารถเสนอให้มีการเปลี่ยนแบตเตอรีราคา 79 เหรียญสหรัฐฯ บวกค่าจัดส่งให้กับผู้บริโภคได้ แต่แอปเปิลก็ไม่เคยทำเลย ปล่อยให้ผู้บริโภคคิดว่ามีทางเดียว คือ พวกเขาต้องซื้อไอโฟนเครื่องใหม่ราคาแพง ๆ เท่านั้น
สิ่งที่น่าเสียดายที่แอปเปิลไม่ยอมทำในระหว่างที่เกิดปัญหา และมีเสียงบ่นจากผู้บริโภคอื้ออึงว่า ไอโฟนรุ่นเก่าทำงานช้าลงอีกข้อก็คือ แอปเปิลยังคงปล่อยให้ผู้บริโภคสับสนต่อไปอย่างนั้น แทนที่จะออกมาบอกว่า ในหัวข้อ Setting มีฟีเจอร์สำหรับมอนิเตอร์คุณภาพของแบตเตอรี ซึ่งถ้าบอกให้ผู้บริโภคเข้าไป และระบบแจ้งว่า แบตเตอรีมีปัญหา จากนั้น ผู้บริโภคก็ไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ ปัญหาก็จบได้
แต่ตอนนี้นอกจากความเชื่อมั่นจะเสียไปแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แอปเปิลต้องเผชิญก็คือ การฟ้องร้องด้านคดีความจากผู้บริโภคที่จะตามมา ซึ่งคราวนี้จะกลายเป็นวิกฤตของจริงที่บริษัทต้องเผชิญแล้ว หลังจากปล่อยให้ผู้บริโภคสับสนจนคิดว่าต้องซื้อเครื่องใหม่เท่านั้น จึงจะแก้ไขได้มานานแรมปี
ไม่น่าเชื่อว่า แบตเตอรีลิเธียมไอออนชิ้นเล็ก ๆ สามารถดึงบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ล่มสลายด้านความเชื่อถือได้เลย