xs
xsm
sm
md
lg

6 แอปพลิเคชันที่กูเกิลเลิกใช้ แต่น่าเป็นแรงบันดาลใจให้สตาร์ทอัปปี 2018

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หลังจากมีข่าวออกมาว่า กูเกิล (Google) เตรียมยุติการสนับสนุน "แทงโก้" (Tango) แพลตฟอร์มด้าน Augmented Reality ตัวแรกของบริษัทแล้วหลังการมาถึงของ ARCore ที่สามารถนำขึ้นไปใช้งานบนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ได้ดีกว่า โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มีนาคม 2018 ที่จะถึงนี้นั้น อย่างไรก็ดี แทงโก้ไม่ใช่โปรเจ็คแรกที่พบเจอชะตากรรมดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้ก็เคยมีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่นกันที่่ส่งออกมาแล้วไม่ตอบโจทย์ (ในยุคนั้น) ได้เพียงพอ แต่หากมาในยุคนี้ก็ไม่แน่ว่ามันอาจกลายเป็นแอปพลิเคชันยอดนิยมก็เป็นได้ เราจึงขอเลือก 6 ตัวอย่างที่น่าสนใจมาฝากกัน ดังนี้

1. iGoogle

ตัวนี้เชื่อว่ามีหลายคนที่เกิดทัน และเคยได้ใช้งาน กับ iGoogle ที่ออกแบบโฮมเพจแบบเฉพาะบุคคล สามารถตกแต่งและเลือกวิดเจ็ท (Widget) ต่าง ๆ ที่เราต้องการใส่ลงไปในหน้าเพจได้ตามใจชอบ

iGoogle เริ่มต้นเปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนมีเวอร์ชันท้องถิ่นมากกว่า 42 ภาษาใน 70 ประเทศ โดยในปี 2007 มีผู้ใช้งาน iGoogle ประมาณ 7 ล้านคน แต่สุดท้ายก็ปิดตัวลงไปเงียบ ๆ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2013 ซึ่งหากยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ อาจนำมาประยุกต์เป็นโซเชียลมีเดียที่สามารถเลือกเองได้ว่าอยากให้คอนเทนต์แบบไหนแสดงบนหน้าจอ แข่งกับเฟซบุ๊กอีกสักตั้งก็ยังได้

2. Google Helpouts

กูเกิล เฮลป์เอาท์ (Google Helpouts) ถ้าอยู่ในยุคนี้ก็อาจเป็นสตาร์ทอัปดัง ๆ ไปแล้วก็เป็นได้ กับบริการที่เชื่อมต่อผู้บริโภคคนธรรมดาเดินดินทั่ว ๆ ไป กับผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ต้องการ เพื่อให้สามารถรับคำแนะนำกันแบบสด ๆ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวนั้นต้องบอกว่าแนวคิดดีมาก แต่ที่ตกม้าตายเพราะบางแชนแนลบน Google Helpouts นั้นคิดค่าใช้จ่าย แต่บางแชนแนลให้บริการฟรีนั่นเอง

3. Picasa

Picasa เป็นโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับจัดการภาพถ่าย ก่อนจะถูกยกเลิกไปในปี 2016 เพื่อเปลี่ยนเป็นแอปพลิเคชันตัวใหม่อย่างกูเกิลโฟโต้ (Google Photo) ข่าวดีก็คือ หลาย ๆ ฟีเจอร์ของ Picasa ยังตามมาอยู่กับ Google Photo ด้วย แม้กระทั่งภาพถ่ายต่าง ๆ ที่เคยเก็บไว้บน Picasa ก็ตามมาจนดูเหมือนว่านี่แค่เปลี่ยนชื่อหรือเปล่า

แต่จริง ๆ แล้ว Google Photo ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่ Picasa ไม่มีอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการจัดเรียงภาพโดยอิงผู้คน หรือสถานที่ได้โดยอัตโนมัติ เรียกว่าผู้ใช้ไม่ต้องแท็ก (Tag) ใด ๆ เลยก็สามารถค้นหาเจอได้โดยง่าย ยกตัวอย่างเช่น เพียงพิมพ์คำว่า Dog ในช่องค้นหา ระบบจะดึงภาพสุนัขตัวโปรดมาให้โดยที่ไม่ต้องมีการแท็ก หรือจัดภาพต่างๆ ในอัลบั้มเสียก่อนแต่อย่างใด หรือหากต้องการหาภาพที่ถ่ายกับหอไอเฟลในกรุงปารีส ก็แค่พิมพ์คำว่า Paris ลงไปในช่องค้นหา ระบบมีความสามารถถึงขั้นที่ว่าพิจารณาภาพหอไอเฟลได้ และเชื่อมโยงกับเมืองหลวงอย่างปารีส จึงสามารถดึงภาพนั้นๆ รวมถึงภาพที่ถ่ายในช่วงเวลาใกล้เคียงกันขึ้นมาแสดงได้เลยทีเดียว

จากความสามารถของ Google Photo เหล่านี้ เชื่อว่าคงจะทำให้ชื่อของ Picasa เลือนหายไปจากความทรงจำของใครหลายคนได้เร็วขึ้นแน่นอน

4. Google Notebook

หากเทียบกับปัจจุบัน กูเกิล โน้ตบุ๊ก (Google Notebook) อาจเปรียบได้กับเอเวอร์โน้ต (Evernote) วันโน้ต (OneNote) ซิมเพิลโน้ต (Simplenote) หรือ กูเกิล คีป (Google Keep) ที่ผู้ใช้งานสามารถจดบันทึกทุกสิ่ง และเก็บไว้บนโลกออนไลน์

อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้มีบริการใหม่ ๆ ที่สามารถจดบันทึกได้ดีกว่า Google Notebook เกิดขึ้นมากมายแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจหากชื่อนี้จะถูกลบหายไปตามกาลเวลาด้วยอีกตัวหนึ่ง

แต่สำหรับใครที่อยากพัฒนาแอปพลิเคชันที่สามารถจดบันทึกได้ง่าย ๆ ไม่ต้องมีฟีเจอร์มากมายให้สับสน จะลองพิจารณาแนวทางของ Google Notebook บ้างก็คงดีเช่นกัน

5. Google Answer

สุดท้ายกับบริการของ Google Answer ที่แตกต่างจากคู่แข่งในยุคนั้นอย่าง Quora, Yahoo Answers ตรงที่ใครก็ตามที่ต้องการถามคำถามบนแพลตฟอร์มจะต้องตั้งเงินรางวัลเอาไว้ระหว่าง 2 - 200 เหรียญสหรัฐเพื่อจ่ายเงินให้กับคนที่ไปค้นคว้าหาคำตอบออกมาได้ดีที่สุดด้วย ซึ่งในยุคนั้นอาจไม่ได้สะดวกจ่ายกับรวดเร็วเหมือนกับในยุคนี้ที่มีช่องทางให้ชำระเงินกันมากมาย จึงทำให้ Google Answer ไม่ได้ไปต่อ อย่างไรก็ดี หากจะถามหาบริการในลักษณะนี้ ปัจจุบันก็พอมีให้เห็นอยู่บ้างเช่น Fiverr หรือ Amazon Mechanical Turk นั่นเอง

6. Google Buzz

กูเกิล บัซ (Google Buzz) เปิดตัวในช่วงปี 2010 โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นบริการที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเฟซบุ๊ก (Facebook) ก็ว่าได้ ซึ่งกูเกิลหวังให้มันเป็นทั้งโซเชียลมีเดีย (มีกด Like และสร้างกลุ่มได้ด้วย) เป็นทั้งแพลตฟอร์มสำหรับแชท และใช้งานอีเมลในหนึ่งเดียว จะได้ไม่ต้องออกไปที่ Ecosystem อื่น หรือหากจะแชร์ก็แชร์ไปยังแอปพลิเคชันเพื่อนบ้านอย่าง Picasa, YouTube ฯลฯ ได้เลย

สะกิดใจนิดเดียวตรงที่รูปแบบการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันนั้นไปปรากฏอยู่ในบริการอีเมลของบริษัทอย่างจีเมล (Gmail) จึงทำให้ประสบการณ์การใช้งานและอินเทอร์เฟสของ Google Buzz นั้นค่อนข้างแปลกทีเดียว นอกจากนี้ การเกิดขึ้นของ Google Buzz ทำให้กูเกิลถูกวิจารณ์ว่าพยายามแข่งกับโซเชียลมีเดียเจ้าอื่น ๆ เช่น เฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ (Twitter) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วอีกด้วย

แต่หากพิจารณาอย่างจริงจัง มันก็เป็นแนวคิดที่ดีไม่น้อย เพราะการเปิดอีเมลสลับไปมากับแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียก็สิ้นเปลืองพลังงานมากพอสมควร

อย่างไรก็ดี ในเดือนตุลาคม ปีต่อมา Google Buzz ก็ประกาศปิดตัว โดยมีผลในวันที่ 15 ธันวาคมปีเดียวกัน ส่วนคอนเทนต์ต่าง ๆ ที่เคยโพสต์กันไปนั้นก็จะถูกเก็บไว้เป็น Read-Only Mode และจนถึงตอนนี้เราก็ยังไม่เห็นใครลอกเลียนแบบแนวคิดนี้ไปทำใหม่อีกเลย


กำลังโหลดความคิดเห็น