xs
xsm
sm
md
lg

หัวเว่ย กาง 4 กลยุทธ์ รุกตลาดปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)
หัวเว่ย เผย 4 กลยุทธ์ในการทำการตลาดปีหน้า เน้นการสร้างประสบการณ์กับลูกค้า มั่นใจขึ้นเบอร์ 1 ในปี 2563 หลังปีนี้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้เกือบ 10 เท่า

นายทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) กล่าวถึงกลยุทธ์ในปีหน้าว่า หัวเว่ย จะไม่โฟกัสเรื่องส่วนแบ่งการตลาดเป็นหลัก แต่จะเน้นการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีกับลูกค้าผ่าน 4 กลยุทธ์ คือ 1. การสร้างนวัตกรรม ซึ่งเทรนด์ปีหน้าสมาร์ทโฟนจะมีการพูดถึงเทคโนโลยี AI มากขึ้น โดยมี IoT ในการขับเคลื่อนทำให้เกิดขึ้น

2. เรื่องคุณภาพ 3. การรับฟังเสียงตอบรับจากผู้บริโภค และพาร์ตเนอร์ เพื่อนำมาปรับปรุงและพัฒนาบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด และ 4. การตอบแทนคืนสู่สังคม

ทั้งนี้ หัวเว่ย วางเป้ามีส่วนแบ่งการตลาดเบอร์หนึ่งในแง่จำนวนเครื่องในปี 2563 โดยหัวเว่ยให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศไทย ด้วยการลงทุนอย่างจริงจังในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น การสร้างเทรนนิ่งเซ็นเตอร์, การสร้างโอเพนแล็บ เพื่อเปิดกว้างให้นักพัฒนามาร่วมพัฒนานวัตกรรม

นอกจากนี้ หัวเว่ย ยังมีการขยายแบรนด์ช็อปอย่างต่อเนื่อง จากปีที่แล้วที่มี 10 แห่งจะเพิ่มเป็น 90 แห่งในปีนี้ ขณะเดียวกัน ยังขยายร้านตัวแทนจำหน่ายจาก 500 ร้านค้าเป็น 10,000 ร้านค้าในปีนี้ มีศูนย์บริการหลังการขายจาก 3 สาขาเป็น 14 สาขา

“ตอนนี้ หัวเว่ยในไทยโตมาก ถึง 400% ในแง่รายได้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้วจนถึงกลางปีนี้ ส่วนตัวเครื่องโต 720% มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มจาก 2% เป็น 10%”

นายทศพร กล่าวต่อว่า ปีนี้ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย) สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้เกือบ 10 เท่าของปีที่แล้ว และยังจะคงรุกตลาดไทยต่อไปในปีหน้า โดยหัวเว่ยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำ อันดับหนึ่งในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่สร้างประสบการณ์การใช้ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ซึ่งนอกจากการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพของผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคแล้ว หัวเว่ยยังให้ความสำคัญกับคุณภาพที่ได้มาตรฐานทั้งในด้านกระบวนการผลิตและบริการหลังการขาย และเพื่อเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยแล้ว ยังคงร่วมมือกับแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่อยู่เสมอ ทั้งนี้หัวเว่ยได้ยึดมั่นการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย

สิ่งที่ทำให้หัวเว่ยแตกต่างจากแบรนด์อื่น คือ โมเดลธุรกิจที่เรียกว่า Global Innovation Hive ซึ่งประกอบด้วย 1. การดำเนินธุรกิจในรูปแบบของบริษัทเอกชน (Privately Held) ซึ่งช่วยให้หัวเว่ยสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากหัวเว่ยไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะทำแต่กำไรเพื่อผู้ถือหุ้น

2. การใช้องค์ความรู้โดยรวม(Collective Wisdom) โดยหัวเว่ยจะผลัดเปลี่ยนซีอีโอ 3 คนทุก ๆ 6 เดือน ในการดำรงตำแหน่งเพื่อป้องกันการสั่งงานและการตัดสินใจแบบเผด็จการ 3. การให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของธุรกิจ (Employee-Owned) เพื่อสร้างแรงจูงใจและกระตุ้นการทำงานของพนักงาน

และ 4. การเปิดรับองค์ความรู้ใหม่จากทั่วโลก (Open Integration) โดยหัวเว่ยสร้างโอกาสในการคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ จากความรู้ความชำนาญและประสบการณ์ของพนักงานทั่วโลก พร้อมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อีกด้วย

กำลังโหลดความคิดเห็น