บริษัทซีเคียวริตีออกโรงเตือนนักเก็งกำไรเงินดิจิทัล เหตุเพราะมูลค่าของบิตคอยน์ที่พุ่งแรงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ อาจนำไปสู่การโจมตีทางไซเบอร์อย่างหนักในปีหน้าก็เป็นได้
สัญญาณดังกล่าวเริ่มปรากฏออกมาทีละน้อย เมื่อบริษัทอย่างมัลแวร์ไบท์ (Malwarebytes) ออกมาเปิดเผยว่า สามารถหยุดยั้งการโจมตีของมัลแวร์ที่จ้องเล่นงานคอมพิวเตอร์สำหรับขุดเหมืองได้แล้วกว่า 250 ล้านครั้ง
ด้านไซแมนเทค (Symantec) เผยว่า เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของมัลแวร์อันมีเหตุมาจากสกุลเงินดิจิทัลว่ามีมากถึงสิบเท่า
นอกจากนี้ แคนดิด เวสต์ (Candid Wuest) นักวิจัยจากไซแมนเทค ยังเผยด้วยว่า จุดพีกของเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ก็คือ วันที่ราคาพุ่งทะลุหนึ่งหมื่นเหรียญสหรัฐฯ เมื่อ 29 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น บิตคอยน์ก็ราคาลดลงอย่างรวดเร็วไม่แพ้กัน) ซึ่งถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเมื่อต้นปี ที่ราคาของบิตคอยน์อยู่ที่ระดับหนึ่งพันเหรียญสหรัฐฯ เท่านั้น”
สิ่งที่ไซแมนเทค และบริษัทซีเคียวริตีอื่น ๆ ต่างพบก็คือ มีความพยายามในการทุ่มทุนปรับแต่งคอมพิวเตอร์เพื่อขุดเงินดิจิทัลกันมากขึ้น ในทางกลับกัน เงินดิจิทัลอย่างสกุลเงิน “Monero” กลับกลายเป็นสกุลเงินที่มีค่ามากขึ้น และสามารถขุดได้ทั้งบนเดสก์ท็อป โน้ตบุ๊ก และสมาร์ทโฟน
มัลแวร์ไบท์ เผยว่า ซอฟต์แวร์ซีเคียวริตีของบริษัทสามารถหยุดความพยายามจากโค้ดต่าง ๆ ได้มากถึงแปดล้านครั้ง ไม่ให้มันเจาะเข้ามาใช้คอมพิวเตอร์พีซีของเรา
นอกจากนั้น ยังพบว่าบรรดาเว็บไซต์ที่ถูกเจาะระบบนั้น ก็เป็นแหล่งรวมของของโค้ดสำหรับขุดบิตคอยน์ด้วย โดยบางไซต์มีโค้ดรวมตัวกันมากกว่า 2,500 ตัวอย่างเลยทีเดียว
สำหรับอาการของเครื่องที่โดนลักลอบใช้นั้น ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนก็จะแบตเตอรีหมดอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าเว็บโป๊มีสิทธิเจอมัลแวร์ดังกล่าวได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ได้เข้าด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะเว็บไซต์ล่อแหลมที่เสี่ยง แต่นิโคล อีแกน (Nicole Eagan) ซีอีโอบริษัทซีเคียวริตีชื่อ ดาร์กแทรซ (Darktrace) ระบุว่า ในเน็ตเวิร์กของบริษัทลูกค้านั้น พบมัลแวร์เหล่านี้แฝงอยู่ถึง 25 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว โดยเป็นการอาศัยพลังงานของเน็ตเวิร์กในองค์กรช่วยขุดบิตคอยน์นั่นเอง
