หัวเว่ย เชื่อ Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงในระดับราคาที่คุ้มค่าที่สุด เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นซึ่งราคาขึ้นไปอยู่ในระดับ 3 หมื่นบาท ขณะที่ Mate 10 Pro ขายในราคา 27,900 บาท ส่วนภาพรวมธุรกิจสมาร์ทโฟนในปีนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้า 3 เท่าตัว
นายทศพร นิษฐานนท์ รองผู้อำนวยการ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวถึงการตอบรับของผู้บริโภคหลังการเปิดจองแฟลกชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ Huawei Mate 10 Pro ที่กำลังจะวางขายในวันที่ 1 ธันวาคม 2560 นี้ว่า มียอดจองเพิ่มขึ้น 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับ Mate 9 ที่เป็นรุ่นของปีก่อนหน้านี้
“Mate 10 Pro ถือเป็นแฟลกชิปสมาร์ทโฟนในระดับราคาที่คุ้มค่าที่สุด เพราะถ้ามองในตลาดสมาร์ทโฟนระดับราคาเกิน 2 หมื่นบาท ตอนนี้มีอยู่ 3 แบรนด์เท่านั้น ที่จำหน่ายสมาร์ทโฟนในช่วงราคานี้ และหัวเว่ย ถือเป็นแบรนด์ที่ราคาคุ้มค่าที่สุด”
จุดเด่นหลักของ Mate 10 Pro ยังคงเป็นซีรีส์ที่เน้นเรื่องของแบตอึด จอใหญ่เช่นเดิม แต่พิเศษตรงที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่มากับหน่วยประมวลผลที่มากับชิปเซ็ต AI ที่ถูกนำมาใช้ในแง่ของการจัดการพลังงาน การประมวลผลที่ปรับเพิ่มลดตามความต้องการใช้งาน
“อนาคต จะเห็นการทำงานของ AI มากขึ้น ที่ต้องทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ดังนั้น นักพัฒนาก็จะมีโอกาสในดึงประสิทธิภาพของหน่วยประมวลผลออกมาอีก และจะเป็นประตูไปสู่การใช้งาน Internet of Things ในอนาคต”
ส่วนในเรื่องของกล้องหัวเว่ย ยังทำงานร่วมกับไลก้า ในการนำเทคโนโลยีเลนส์มาใช้งานเช่นเดิม พร้อมกับเพิ่มขนาดรูรับแสงเป็น f/1.6 ที่ช่วยให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้มากขึ้น รวมถึงในแง่ของเน็ตเวิร์กที่ Mate 10 Pro เป็นสมาร์ทโฟน 2 ซิมรุ่นแรกที่รับการใช้งาน 4G พร้อมกันทั้ง 2 ซิม
สำหรับกลุ่มเป้าหมายหลักของ Mate 10 Pro จะเน้นนักธุรกิจที่มีความประสบความสำเร็จ หรือกลุ่มผู้ใช้งานที่มีความเป็นที่สุดของสายอาชีพ เพราะด้วยการใช้งานสมาร์ทโฟนที่มีนวัตกรรมจะช่วยสื่อให้เห็นถึงภาพลักษณ์ของการใช้งานได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ หัวเว่ยมีแผนที่จะนำ Porsche Design Mate 10 เข้ามาทำตลาดในช่วงกลางเดือนธันวาคม ในราคา 49,900 บาท โดยจะมีจำนวนจำกัดที่ 300 เครื่อง ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้ก็จะเน้นที่การมีดีไซน์เฉพาะตัวที่แตกต่างจาก Mate 10 Pro
ขณะที่ในสถานการณ์รวมของตลาดสมาร์ทโฟนปีนี้ หัวเว่ยยังเติบโตตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ คือ การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดขึ้นจากเดิม 3 เท่า ซึ่งในช่วงปลายปีถือว่ามีปัจจัยบวกเข้ามาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแคมเปญช้อปช่วยชาติ และการเปิดตัวสินค้าใหม่มากระตุ้นในช่วงนี้