เปิดตัวเลขชวนตะลึง เมื่อเฟซบุ๊ก (Facebook) ออกมายอมรับแล้วว่า บนแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์กของตนเองที่อ้างว่ามีผู้ใช้เกิน 2 พันล้านคนทุกวันนี้นั้น มี 270 ล้านบัญชีที่ไม่ได้ถูกสร้างอย่างถูกต้อง ซึ่งการออกมายอมรับดังกล่าวได้ทำให้เกิดความคลางแคลงใจ รวมถึงการถูกมองว่าเฟซบุ๊กอาจไม่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่ซื่อสัตย์ดังที่เคยกล่าวอ้าง
โดยการเปิดเผยจากเฟซบุ๊กได้ระบุว่า จากตัวเลขผู้ใช้งานในไตรมาสที่ 3 ของปี 2017 ที่อยู่ที่ 2.1 พันล้านคนต่อเดือนนั้น มีประมาณ 2 - 3 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นแอคเคาน์ที่ไม่ได้สร้างขึ้นอย่างถูกต้อง และไม่มีคุณสมบัติตรงกับแอคเคาน์ที่เฟซบุ๊กต้องการ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคมที่มีอยู่ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่อีก 10 เปอร์เซ็นต์เป็นแอคเคาน์ที่สร้างขึ้นมาซ้ำกันโดยผู้ใช้งานที่อยู่ในระบบอยู่แล้ว ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีอยู่แค่ 6 เปอร์เซ็นต์ ทำให้โดยรวมแล้ว จากจำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนที่ 2.1 พันล้านคนของเฟซบุ๊กจะมีถึง 13 เปอร์เซ็นต์ หรือ 270 ล้านแอคเคาน์ที่ถูกจัดว่าไม่มีคุณภาพ
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊กมีผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 79 เปอร์เซ็นต์ หรือคิดเป็นมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการออกมาเผยเกี่ยวกับข้อมูลของแอคเคาน์ที่ซ้ำซ้อนนี้ คาดว่ามีขึ้นเพื่อรองรับการตรวจสอบจากรัฐบาล รวมถึงเพื่อต้องการระบุตัวตนของแอคเคาน์ปลอมที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้นั่นเอง ซึ่งที่ผ่านมา บริษัทได้มีการแก้ปัญหานี้หลายแบบ เช่น การกำหนดให้ผู้ใช้งานใช้ชื่อจริงในแอคเคาน์ รวมถึงบางกรณีต้องมีการยืนยันตัวตนด้วย
สำหรับแอคเคาน์ปลอมที่พบนั้นมีทั้งการตั้งในนามธุรกิจ หรือองค์กรต่าง ๆ มากกว่าจะมาตั้งเป็นเพจ ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อมีการเปิดเผยตัวเลขนี้ออกมาแล้ว โซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กจะต้องถูกตรวจสอบหนักขึ้นมาก อีกทั้งที่ผ่านมา เฟซบุ๊กก็ถูกจับจ้องในฐานะแพลตฟอร์มที่ถูกต่างชาติแทรกแซงในขณะหาเสียงเลือกตั้งผ่านทางโฆษณามาแล้ว
โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น เฟซบุ๊กยอมรับว่ามีผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา 126 ล้านคนที่ได้เห็นโฆษณาดังกล่าว (ที่เฟซบุ๊กอ้างว่าได้รับการสนับสนุนเงินค่าโฆษณาจากรัสเซีย) และอีก 20 ล้านคนบนอินสตาแกรม (Instagram)
นอกจากนี้ ตัวเลขของผู้ใช้งานที่เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมานี้ได้ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าที่เฟซบุ๊กอ้างว่าตนเองครองส่วนแบ่งผู้ใช้งานในจำนวนเท่านั้นเท่านี้ จริง ๆ แล้วข้อมูลที่แท้จริงควรเป็นเท่าไรด้วย