บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่างไป่ตู้ (Baidu) เปิดตัวเลขรายได้สุทธิประจำไตรมาส 3 ของปี 2017 พบว่า เพิ่มขึ้น 156 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 7.9 พันล้านหยวน
ขณะที่รายได้ทั้งหมดของไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 29 เปอร์เซ็นต์ แตะที่ 23.5 พันล้านหยวน โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจโมบายที่ครองส่วนแบ่งถึง 73 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมดของไป่ตู้ ซึ่งส่วนแบ่งตรงนี้เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 ของปี 2016 ที่เคยอยู่ที่ 64 เปอร์เซ็นต์ด้วย
ส่วนรายได้จากธุรกิจการตลาดออนไลน์อยู่ที่ 20.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 3 ของปี 2016 มาอีก 22 เปอร์เซ็นต์
เพิ่มมาหลายข้อแล้ว ส่วนที่ลดก็มีเช่นกัน ในไตรมาสนี้ ไป่ตู้ พบว่า มีลูกค้าในธุรกิจการตลาดออนไลน์ลดลง 7 เปอร์เซ็นต์ เหลือ 486,000 รายในไตรมาสนี้
ขณะที่แพลตฟอร์มวิดีโอของไป่ตู้ อย่าง iQIYI ในปีนี้ก็มีการเจรจากับเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 3.9 พันล้านหยวน หรือเพิ่มขึ้น 16.6 เปอร์เซ็นต์
หันมาทางด้านการลงทุนในปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงเทคโนโลยีรถไร้คนคนขับ และผลิตภัณฑ์ที่สั่งงานด้วยเสียง พบว่า มีการใช้งบประมาณไปในส่วนวิจัยและพัฒนานี้ 24 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นจำนวนเงิน 3.2 พันล้านหยวน
ทั้งนี้ มีการประเมินด้วยว่า ไป่ตู้นั้นอยู่ระหว่างการทรานสฟอร์มธุรกิจจากเสิร์จเอนจิน และธุรกิจการตลาด ไปสู่บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์นำหน้า ซึ่งโรบิน ลี (Robin Li) ซีอีโอของไป่ตู้ กล่าวว่า ไป่ตู้จะมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยี AI การพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่ออุปกรณ์อัจฉริยะ และตลาดรถยนต์อัตโนมัติ รวมถึงการใช้ AI ในธุรกิจไฟแนนซ์
ด้านเฮอแมน หยู (Herman Yu) ผู้บริหารฝ่ายการเงินของไป่ตู้เผยว่า ในไตรมาสที่ 3 เราได้ยกเลิกบริการเดลิเวอรี่ของไป่ตู้ เพื่อนำทรัพยากรของบริษัทมามุ่งเน้นที่การพัฒนา AI ซึ่งไป่ตู้ มองว่า จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับไป่ตู้ได้ในระยะยาวมากกว่าด้วยนั่นเอง