เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีการจัดงาน Smart Kitchen Summit เกิดขึ้นในซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ซึ่งต้องบอกว่าเนื้อหาภายในงานมีความน่าสนใจอยู่หลายประการ และสะท้อนให้เห็นความจริงประการหนึ่งว่า "ห้องครัว" นั้นจะกลายเป็นสมรภูมิสำคัญสำหรับการแข่งขันในตลาดอุปกรณ์ IoT ในอนาคตอันใกล้
โดยผลการสำรวจที่มีการเผยแพร่ในงาน Summit ดังกล่าวโดย มร. ยูน ลี (Yoon Lee) รองประธานอาวุโสของซัมซุง ระบุว่า อเมริกันชนใช้เวลาในห้องครัวเฉลี่ย 60% ของเวลาทั้งหมดที่มีในแต่ละวัน นอกเหนือจากการนอน ซึ่งเราเชื่อว่าคงไม่ต่างจากหลายๆ ครอบครัวในบ้านเรานัก และนั่นทำให้ห้องครัวกลายเป็นสถานที่ที่น่าสนใจสำหรับทุกภาคส่วน ตั้งแต่นักการตลาด บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยี ไปจนถึงนักพัฒนาระบบ
ส่วนห้องครัวแห่งอนาคตที่ได้รับการนำเสนอภายในงานมีหน้าตาเป็นอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ได้ร่วมกันให้ความเห็นเอาไว้มากมาย ดังนี้
ปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาอยู่ในห้องครัว
ที่ผ่านมาเราอาจฮือฮากับตู้เย็นที่มีหน้าจอและสามารถสั่งอาหารได้เองโดยอัตโนมัติ แต่ภายใน 5 - 10 ปีนับจากนี้ คือเวลาที่มนุษย์เราจะได้นับถอยหลัง รอวันที่ AI เข้ามาช่วยงานต่าง ๆ ในห้องครัวร่วมกับมนุษย์มากขึ้น
ก่อนอื่นต้องนึกภาพก่อนว่าใครบ้างที่จะใช้ห้องครัวมากเป็นอันดับต้น ๆ ของบ้าน คำตอบที่ผุดมาในใจใครหลายคนก็คือ "แม่บ้าน" นั่นเอง แล้วนอกจากทำอาหารแล้ว สิ่งที่แม่บ้านต้องคิด (จริง ๆ แล้วก็คิดตลอดเวลา) ก็คือ สมาชิกในบ้านแต่ละคนชอบอะไร ไม่ชอบอะไร วันนี้ใครมีกิจกรรมตอนเย็น แต่ละคนจะกลับเวลาไหนกันบ้าง ฯลฯ
นั่นทำให้เครื่องมืออย่าง Calendar ที่มาพร้อม AI จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยในครัวเป็นลำดับแรก เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเรียกดูตารางนัดหมายของสมาชิกภายในบ้านได้ จะได้จัดเตรียมมื้ออาหารได้อย่างถูกต้อง
ห้องครัวจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการประจำตัว
อุปกรณ์ IoT ที่จะตามมาอยู่ในครัวเป็นอันดับต่อไปคือ พวก Wearables ต่าง ๆ เช่น สายรัดข้อมืออัจฉริยะ ที่จะมีความสามารถมากขึ้น และเชื่อมต่อข้อมูลสุขภาพของเราเข้ากับปัญญาประดิษฐ์ เพื่อให้มันออกแบบให้ว่า วันนี้เราควรรับประทานอะไร ซึ่งการมี AI ภายในครัวที่รู้ข้อมูลสุขภาพของเรานั้น อาจหมายถึงมันช่วยออกแบบเมนูสมูตตี้อร่อย ๆ ให้เราได้ชิมกันทุกเช้าจากผลไม้ที่เราเก็บไว้ในตู้เย็น
เตาอบจะกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่
ลองนึกภาพสมาชิกภายในบ้านแยกย้ายกันอยู่ในห้อง เมื่ออาหารเสร็จพร้อมรับประทาน ก็จะเกิดความไม่สะดวกขึ้นได้ที่จะต้องมาตามตัวสมาชิกแต่ละคนที่กระจัดกระจายให้มารวมกัน
แต่สำหรับครัวที่มีเตาอบอัจฉริยะ นอกจากมันจะตั้งเวลาในการอบให้เสร็จสรรพว่าเนื้อแต่ละชนิดจะต้องอบเท่าไร พออาหารปรุงเสร็จ มันยังสามารถส่งข้อความแจ้งไปยังสมาชิกภายในบ้านเพื่อบอกว่าอาหารเสร็จแล้ว ให้มารวมตัวกันเพื่อรับประทานได้อีกด้วย
ใครแอบกินขนมในตู้เย็น AI จะช่วยบอกให้
ในอนาคต ตู้เย็นที่มี AI อาจกลายเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันแพร่หลาย เพราะมันจะมาพร้อมฟีเจอร์หนึ่งที่น่าสนใจ นั่นคือ การบอกได้ว่า ขนม หรืออาหารในตู้เย็นที่เราซื้อมานั้นถูกใครหยิบไปรับประทานนั่นเอง
ห้องครัว AI ไม่ต้องมีเสน่ห์ปลายจวักก็สามีรักได้
ลองนึกภาพตลาดรถอัจฉริยะ ที่มนุษย์ในอนาคตไม่ต้องขับรถอีกต่อไป แต่ให้ AI ขับให้แทน ห้องครัวอัจฉริยะในอนาคตก็กำลังจะอยู่ในรูปแบบเดียวกันที่มนุษย์เราอาจไม่ต้องมีทักษะด้านการทำอาหารติดตัวมาอีกต่อไป แต่มี AI มาคอยช่วยแทน (บางทีเรียกว่ากำกับอาจจะดีกว่า) โดยแนวคิดของการทำครัวในอนาคตที่มี AI คอยช่วยนี้อาจทำให้หลายคนรู้สึกว่าสะดวกสบายมากขึ้นก็เป็นได้ เนื่องจากจะมีอุปกรณ์ IoT ตรวจสอบอยู่ในทุกจุดที่จำเป็น เพื่อคอยบอกว่าอาหารที่เราปรุงนั้น สุกพอดีหรือยัง รวมถึงอาจมี AI ด้านซอส ที่คอยบอกว่า อาหารเหล่านี้ควรจะรับประทานกับซอสอะไรถึงจะอร่อย ฯลฯ แต่จากแนวโน้มนี้ เป็นไปได้ว่า รายการทีวีที่มีเชฟมาปรุงอาหารให้ดูก็อาจหมดความสำคัญไปได้เช่นกัน
จะเห็นได้ว่า เทรนด์ที่ได้รับการเปิดเผยจากงาน Summit ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงรูปแบบใหม่ของการทำครัว และการมีผู้ช่วยอย่าง AI และ IoT เข้ามาในชีวิตที่ทำให้หลาย ๆ อย่างสะดวกสบายมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้อาจเป็นสิ่งที่ต้องรอติดตามผลว่ายุคสมัยที่กำลังถูกปรุงแต่งให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ "สำเร็จรูป" มากขึ้น "สะดวกสบาย" มากขึ้น และ "อัจฉริยะ" มากขึ้นนั้น จะเปลี่ยนพฤติกรรมของมนุษย์เราให้กลายเป็นอย่างไรต่อไปเช่นกัน