สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย (ATSI) จับมือพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชน จัดงาน “Thailand Software Fair 2017” หวังเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบการไทยที่กำลังมุ่งสู่โลกดิจิทัล ได้เลือกใช้ซอฟต์แวร์คนไทย เตรียมชงภาครัฐให้ส่วนลดทางภาษีแก่ผู้ประกอบการที่ใช้งานกระตุ้นให้องค์กรธุรกิจใช้ซอฟต์แวร์ไทยมากขึ้น
นางเจนจิรา ประยูรรัตน์ (กลาง) นายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย กล่าวว่า จากแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นในเวลานี้ คือ การมุ่งสู่การใช้งานคลาวด์ ส่งผลให้ตลาดซอฟต์แวร์มีการเติบโต ในมุมของผู้ผลิตก็ต้องมีการพัฒนาเพื่อให้รองรับการใช้งานบนคลาวด์มากขึ้น โดยคาดว่าภายใน 2 ปีข้างหน้า ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ไทยจะมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม
ในปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดซอฟต์แวร์มีมูลค่าประมาณ 77,573 ล้านบาท อยู่ในฝั่งของการผลิตราว 50,129 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้งานในประเทศ 46,415 ล้านบาท และส่งออกไปใช้งานในต่างประเทศราว 3,714 ล้านบาท
ขณะที่การซื้อซอฟต์แวร์จากต่างประเทศมาใช้งานจะอยู่ที่ 31,158 ล้านบาท โดยจะเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปราว 60% และซอฟต์แวร์บริการราว 40% ซึ่งด้วยเทรนด์ที่ภาครัฐผลักดันให้เกิดไทยแลนด์ 4.0 ทำให้มีการเปลี่ยนมาใช้งานซอฟต์แวร์บริการมากขึ้น และพบว่าเป็นการใช้งานจากเอกชนที่ราว 65% และภาครัฐ 35%
“ทางสมาคมฯ กำลังอยู่ในช่วงการนำเสนอข้อมูลแก่ภาครัฐ ในแง่ของการให้สิทธิพิเศษอย่างการลดภาษีมูลค่าเพิ่มแก่ผู้ประกอบการที่ใช้งานซอฟต์แวร์ที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการหันมาใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะ SMEs กว่า 2.8 ล้านราย ที่ต้องมีการทรานฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลเพื่อให้แข่งขันได้ จากที่ก่อนหน้านี้เคยมีการปรับลดมาแล้วช่วงหนึ่ง”
อย่างไรก็ตาม นางเจนจิรา ยังมองว่า ในช่วงนี้อาจจะเป็นยุคเริ่มต้นในการปรับตัวของผู้ผลิตซอฟต์แวร์ไทย เพื่อให้รองรับการใช้งานผ่านระบบคลาวด์ ซึ่งเบื้องต้น อาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี เพื่อให้พร้อมในการให้บริการแบบเต็มรูปแบบ
“ตอนนี้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ไทยในแง่ของการให้บริการต้องเร่งสร้างจุดแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการรักษาคุณภาพในการบริการ การให้บริการที่ต่อยอดจากเดิม เพื่อให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนไปได้ เพราะถ้าสุดท้ายลูกค้าไม่สามารถอยู่รอดในธุรกิจ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ก็จะไม่มีรายได้ด้วยเช่นเดียวกัน”
ทั้งนี้ ในส่วนของซอฟต์แวร์ไทยที่น่าสนใจ และเชื่อว่ามีจุดเด่นที่ดีกว่าซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ จะอยู่ในกลุ่มของซอฟต์แวร์บริหารจัดการคลังสินค้า การทำระบบซีอาร์เอ็มเพื่อบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า รวมถึงซอฟต์แวร์ด้านการจัดการระบบขนส่ง (ลอจิสติกส์) ซึ่งทั้ง 3 รูปแบบกำลังได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการ
การจัดงาน “Thailand Software Fair 2017” จึงเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการที่กำลังวางแผนในการก้าวสู่ยุคดิจิทัล ได้หันมามองซอฟต์แวร์จากผู้ผลิตคนไทย ที่จะมีการนำเสนอในทุก ๆ อุตสาหกรรม พร้อมกับการให้ความรู้จากที่ปรึกษาจากหน่วยงานธุรกิจการค้า ในการแนะนำโปรแกรมที่เหมาะสมสำหรับ SMEs
นางสาวยุวดี แซ่โก่ย (ขวา) เลขาธิการสมาคม ATSI ให้ข้อมูลเสริมว่า กลุ่มเป้าหมายของการจัดงานในครั้งนี้จะเน้นไปที่ 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มผู้บริหารจากองค์กรต่าง ๆ ที่กำลังสนใจลงทุนไอทีราว 80% และอีก 20% เป็นกลุ่มประชาชนทั่วไป และนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการศึกษาความรู้เกี่ยวกับซอฟต์แวร์โซลูชันต่าง ๆ
ภายในงานจะมีการนำเสนอโซลูชันจากกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีก, การจัดส่งอาหาร, การเกษตร, การท่องเที่ยว, การศึกษา, โรงงานอุตสาหกรรม, ผู้ผลิตสินค้าสุขภาพ, ดิจิทัลมาร์เกตติ้ง และธุรกิจทั่วไป จากผู้ผลิตซอฟต์แวร์ชั้นนำในประเทศไทยกว่า 40 ราย
สำหรับงาน “Thailand Software Fair 2017” จะจัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 เวลา 10.00-20.00 ณ บริเวณห้องบอลรูม และฮอลล์เอ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
