xs
xsm
sm
md
lg

ถอดฟีเจอร์ iPhone X เมื่อแอปเปิลไม่ใช่ผู้นำนวัตกรรมอีกต่อไป

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กล่าวถึงไอโฟนรุ่นพิเศษที่จะวางขายต่อจาก iPhone 8/8 Plus ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าอย่าง iPhone X หรือ “ไอโฟนเท็น” ที่แอปเปิลตั้งใจออกมาเพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีไอโฟน พร้อมความหวังจากแฟนเดนตายว่า แอปเปิลจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโลกสมาร์ทโฟน และกำเนิดนวัตกรรมสุดว้าวครั้งใหม่เหมือนสมัยตอนเปิดตัว iPhone 2G หรือ iPhone 4

แต่สุดท้ายหลังงานเปิดตัว iPhone X อย่างเป็นทางการ หลายเสียงต่างบ่นผิดหวังที่ไม่มีโอกาสได้เห็นนวัตกรรมแปลกใหม่จากแอปเปิล กลายเป็นว่า iPhone X ก็เป็นเหมือนไอโฟนรุ่นท็อปต่อจาก iPhone 8 เพื่อเน้นจับตลาดระดับไฮเอนด์ด้วยราคาแตะ 4-5 หมื่นบาท แต่นวัตกรรมและเทคโนโลยีภายในกลายเป็นเหมือนการจับเทคโนโลยีของคู่แข่งที่มีอยู่ก่อนแล้วมาปรับปรุงใหม่ และใส่ในสมาร์ทโฟนของตน โดยวันนี้เราจะพาทุกท่านไปวิเคราะห์ถอดฟีเจอร์ iPhone X เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดในตอนนี้ สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นนี้จากแอปเปิลจะยังน่าสนใจอยู่หรือไม่ ไปหาคำตอบกัน

***Super Retina Display

เห็นครั้งแรกทุกเสียงต้องร้องชื่นชมการออกแบบจอภาพแบบใหม่หมดครั้งแรกของแอปเปิล โดยหน้าจอ Super Retina Display เป็นจอ HDR OLED ขนาด 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2,436 x 1,125 พิกเซล และพื้นที่จอถูกปูเต็มด้านหน้าของ iPhone X ไปถึงบริเวณปุ่มโฮมที่ในครั้งนี้แอปเปิลเลือกตัดออก และแทนที่ด้วยหน้าจอเต็มขอบเครื่องทุกด้าน ยกเว้นด้านบนที่แอปเปิลเว้นที่ไว้ให้กับกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า

แน่นอนถ้าหน้าจอ Super Retina Display ออกมาเมื่อปีที่แล้ว ความน่าสนใจจะเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบัน ลักษณะการออกแบบหน้าจอแบบไร้ขอบกลายเป็นเรื่องที่เราสามารถพบเห็นได้จากสมาร์ทโฟนในตลาดทั่วไป ตั้งแต่ราคาหลักพันถึงหลักหมื่น โดยเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยีหน้าจอไร้ขอบมาใช้ได้สมบูรณ์แบบที่สุดก็คือ Samsung Galaxy S8 พร้อมกับการสร้างเสียงฮือฮาจนสามารถปั่นกระแสจอไร้ขอบได้สำเร็จ รวมถึงการตัดปุ่มโฮมแล้วเปลี่ยนไปใช้ระบบสัมผัสหน้าจอเพื่อเปิดปิดสลับแอปแทน

สิ่งเหล่านี้แอนดรอยด์โฟนมีมาก่อนแล้ว ทำให้ความน่าสนใจของเทคโนโลยี Super Retina Display จากแอปเปิลลดน้อยลง และไม่น่าจะใช่จุดขายที่แอปเปิลจะสามารถดึงลูกค้าหน้าใหม่ให้สนใจ iPhone X ได้ยกเว้นแฟนเดนตายที่น่าจะชื่นชอบ เพราะนี่คือไอโฟนที่มีหน้าจอดีที่สุดแล้ว


***Face ID ปลดล็อกจอด้วยใบหน้า

เป็นฟีเจอร์เด่นที่ไม่ใช่นวัตกรรมใหม่ เพราะฝั่งแอนดรอยด์เคยมีระบบลักษณะนี้มาก่อนแต่คุณภาพยังไม่สมบูรณ์ รวมไปถึง Iris Scan ของซัมซุง ที่ถือว่าคุณภาพยังไม่น่าประทับใจเช่นกัน ผิดจาก Face ID ที่แอปเปิลเลือกติดตั้งฮาร์ดแวร์พิเศษในชื่อ “TrueDepth Camera” มาแทนกล้องหน้า โดยหลายคนได้ทดสอบใช้งานในงานเปิดตัวแล้วชื่นชมเป็นเสียงเดียวกันว่า ทำงานได้รวดเร็ว และแม่นยำมาก เพราะแอปเปิลใช้หลักการให้กล้องจดจำส่วนของใบหน้าผู้ใช้กว่า 3 หมื่นจุดพร้อมจำลองลักษณะโครงสร้างของใบหน้าเป็นโมเดล 3 มิติ เพื่อให้ระบบสามารถตรวจจับได้แม่นยำมากขึ้น

แถม Face ID ยังมีระบบเก็บข้อมูลเรียนรู้ใบหน้าของเราในทุกวัน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ตลอด ถึงแม้หน้าเราจะมีการเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีหนวดขึ้น หรือวันนี้เลือกใส่หมวก ระบบก็จะยังรู้ว่านี่คือ หน้าของเจ้าของเครื่อง และที่สำคัญกล้อง TrueDepth ยังสามารถเปิดใช้ระบบจับการเคลื่อนไหวของใบหน้าในการสร้าง Animoji ได้ด้วย

แต่ทั้งนี้ เมื่อเราลองเจาะลึกรายละเอียดของเทคโนโลยีกล้อง TrueDepth จะพบว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่เป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวสุดฮอตจากไมโครซอฟท์ ที่มีมาหลายปีแล้วในชื่อ Kinect ที่วางขายครั้งแรกกับเครื่องเกมคอนโซล XBOX 360 เมื่อมาผสมโรงกับเทคโนโลยีปลดล็อกด้วยใบหน้าที่มีอยู่แล้ว รวมกับเทคโนโลยีเฉพาะของแอปเปิลอีกเล็กน้อย จึงกลายเป็น Face ID ที่ทีมงานอยากให้คุณได้ลองของจริง แล้วจะรู้ว่านี่แหละ คือ จุดขายที่แท้จริงเพียงจุดเดียวของ iPhone X ที่ทำได้ดี และน่าสนใจที่สุด


***กล้องใหม่

เรียกได้ว่าครั้งนี้แอปเปิลปรับปรุงกล้องหน้าและหลังแบบใหม่หมดเช่นเดียวกับหน้าจอ แต่ไม่ได้เป็นการปรับปรุงที่มีความพิเศษใด ๆ นอกจากเดินตามรอยคู่แข่งตั้งแต่การปรับรูรับแสงในส่วนเลนส์ชุดที่สองให้กว้าง f2.4 รับแสงได้เพิ่มขึ้นจาก iPhone 8 เพื่อสู้กับคู่แข่งที่โดดเด่นในเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยมาตั้งแต่ปีก่อน อีกทั้งยังใส่ระบบป้องกันภาพสั่นไหวมาให้กับเลนส์ทั้งสองตัว (Dual OIS) ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่แอปเปิลไม่มีเซอร์ไพรส์เรื่องฮาร์ดแวร์กล้องในไอโฟนรุ่น 10 ปีอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้

แต่กลับไปเน้นในเรื่องซอฟต์แวร์ภายในกับการกำเนิดโหมดถ่ายภาพบุคคลใหม่ในชื่อ Portrait Lighting ที่จะช่วยเพิ่มแสงให้การถ่ายภาพบุคคลทำได้สวยงามขึ้น อีกทั้ง iPhone X ยังมาพร้อมไฟแฟลชใหม่แบบ Quad-LED True Tone ที่สามารถเปิดแฟลชแบบ Slow Sync ลักษณะเดียวกับสมาร์ทโฟน Sony Xperia เอาใจคนที่ต้องถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อยด้วยไฟแฟลชแล้ว ต้องการเก็บบรรยากาศวิวทิวทัศน์ไว้ด้วย

นอกนั้น ในส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ iPhone X เรียกได้ว่า เดินตามรอยแอนดรอยด์โฟนสุดฮิตหลายรุ่น ไม่ว่าการรองรับระบบชาร์จไฟไร้สายแบบ Qi ที่สามารถใช้แท่นชาร์จของคู่แข่งอย่างซัมซุง หรือแบรนด์อื่น ๆ ได้ รองรับระบบชาร์จไฟแบบเร็ว และสุดท้าย ตัวเครื่องป้องกันน้ำและฝุ่นได้ดีขึ้นตามมาตรฐาน IP67 ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในตลาดสมาร์ทโฟน แต่ถ้ามองในเฉพาะแบรนด์ของแอปเปิล iPhone X คือ สมาร์ทโฟนของแอปเปิลที่ดีที่สุด สเปกดีสุด และสมควรเคียงคู่กับคำว่า “ไอโฟนที่สมบูรณ์แบบที่สุดตั้งแต่แอปเปิลเคยผลิตออกมา” อย่างแท้จริง

เพียงแต่ด้วยราคาเปิดตัวที่สูงกว่าปกติ ทำให้ผู้ที่กำลังสนใจอาจต้องคิดเปรียบเทียบความคุ้มค่าให้ดี เพราะความจริงแล้ว สิ่งที่แอปเปิลใส่เข้ามาใน iPhone X แท้จริงแล้วก็คือ ฟังก์ชันใช้งานเด่นของสมาร์ทโฟนหลากหลายแบรนด์ที่กระจัดกระจายอยู่ในตลาดตอนนี้ แอปเปิลแค่นำมารวม และปรับปรุงพัฒนาในแบบของตน ด้วยเป้าหมาย คือ เพิ่มคุณภาพให้ดีขึ้นตามมาตรฐานแอปเปิล แต่จะถูกใจน่าลงทุนกับสมาร์ทโฟนราคาครึ่งแสนหรือไม่ คุณผู้อ่านต้องลองตัดสินใจดู.

กำลังโหลดความคิดเห็น