ไม่แค่ปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็ว แต่ยังมีอีกหลายปัญหาสารพันที่ผู้ใช้หลายคนพบเจอในช่วงสัปดาห์แรก ที่ทำให้ระบบปฏิบัติการใหม่ของแอปเปิล iOS 11 ถูกตัดสินว่าวนเข้าวงจรเดิม ที่มักพบปัญหามากมายในช่วงแรกก่อนจะเข้าสู่ช่วงเสถียร
รายงานจากหลายแห่งระบุว่า ผู้ใช้บางรายพบปัญหาแบตเตอรี่หมดเร็วผิดปกติ บางรายพบว่า เครื่องร้อนจัด ขณะที่หลายคนพบว่าการควบคุมคุณสมบัติในเครื่องทำไม่ได้เหมือนเดิม ที่สำคัญ คือ หลายแอปพลิเคชันทำงานผิดพลาด บางแอปพลิเคชันไม่ทำงานหรือถูกปิดอัตโนมัติ
เบื้องต้น ปัญหาของ iOS 11 ถูกรวบรวมไว้มากถึง 18 จุด ได้แก่
1. ต่อ Wi-Fi ไม่ได้
ผู้ใช้รายหนึ่งรายงานว่า ไอโฟนของตัวเองไม่สามารถเข้าร่วมเครือข่ายไร้สาย Wi-Fi ส่วนตัว หลายคนพบปัญหาเรื่องนี้ทำให้มีคำแนะนำให้รีเซ็ต หรือตั้งค่าโทรศัพท์ใหม่ พร้อมกับรีเซ็ตเราเตอร์ Wi-Fi (แม้ว่าจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่) โดยให้ลืมเครือข่าย Wi-Fi ไปก่อนแล้ว จึงคลิกเข้าร่วมอีกครั้ง
2. บางแอปพลิเคชันหายไปหรือไม่ทำงาน
แอปพลิเคชันเก่าจะใช้งานกับ iOS 11 ไม่ได้ เนื่องจากหากผู้สร้างไม่อัปเดต แอปพลิเคชันนั้น จะใช้งานไม่ได้กับ iOS 11 โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นแอปพลิเคชัน 32 บิต ดังนั้น ก่อนอัปเดต ควรตรวจสอบว่า แอปฯ ใดจะทำงานร่วมกับ iOS 11 ได้
3. กินพื้นที่เก็บข้อมูลในโทรศัพท์
ผู้ใช้รายหนึ่งรายงานว่า การอัปเดต iOS 11 ทำให้พื้นที่เก็บข้อมูลในสมาร์ทโฟนหดหายไปอย่างผิดปกติ ข้อผิดพลาดนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เชื่อมโยงกับตัวแอปพลิเคชัน แต่จะมีผลกับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของระบบ จุดนี้มีรายงานว่า ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นแม้ในเวอร์ชันทดลองเมื่อครั้ง iOS 11 ให้บริการในรูปเบต้า จุดนี้หากใครพบปัญหา อาจต้องเปลี่ยนกลับสู่จุดที่ระบบได้สำรองข้อมูลไว้ แล้วรอจนกว่า iOS 11.1 จะเปิดให้บริการ
4. ปุ่ม Home ทำงานช้า
ผู้ใช้ไอโฟนหลายรายโพสต์ว่า หลังจากอัปเดตไอโฟนด้วย iOS 11 พบว่า หน้าจอล็อก หรือ lock screen จะหยุดทำงานประมาณ 10 วินาที ทำให้การปลุกเครื่องให้ใช้งานได้เกิดขึ้นได้ช้ากว่าเดิม แม้จะเพียง 10 วินาทีก็เป็น 10 วินาทีที่ทำให้หลายคนหงุดหงิด และเบื่อหน่าย อย่างไรก็ตาม คาดว่า ปัญหานี้จะหายเองเมื่อเวลาผ่านไป เนื่องจากระบบปฏิบัติการใหม่จะเริ่มคุ้นเคยกับอุปกรณ์ และไฟล์ อาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 สัปดาห์ หรือไม่ก็รอให้แอปเปิลแก้ปัญหาในอนาคต
5. สูบแบตเตอรี
ดูเหมือนว่า ทุกเวอร์ชันใหม่ของ iOS จะถูกร้องเรียนเรื่องแบตเตอรี่หมดไว หากแน่ใจว่า ไม่ใช่เพราะการใช้เวลาเล่นกับคุณสมบัติใหม่ใน iOS 11 มากเกินไป ก็อาจเป็นเพราะแอปพลิเคชันเก่านั้น ไม่สามารถทำงานได้ดีบน iOS 11 ดังนั้น ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้น ด้วยการไปที่ตั้งค่า เลือกที่แบตเตอรี่ (Settings > Battery) แล้วดูว่า แอปฯ ใดใช้แบตเตอรีมากที่สุด เมื่อพบแอปพลิเคชันที่เป็นปัญหา ก็สามารถปิดใช้งานแอปพลิเคชันเหล่านี้จนกว่าจะได้รับการอัปเดตที่เป็นมิตรกับ iOS 11 มากขึ้น
หากทำแล้วเครื่องยังสูบแบต อาจเป็นได้ว่าต้องใช้เวลาสักระยะสำหรับ iOS 11 เพื่อให้อุปกรณ์กับระบบปฏิบัติการคุ้นเคยกัน ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลา 2-3 วัน ระหว่างนี้อาจปิด GPS, Wi-Fi และบลูทูธ ขณะที่ไม่ได้ใช้ รวมถึงการลดความสว่างของหน้าจอ และปิดใช้งานแอปพลิเคชันในพื้นหลัง (Settings > General > Background App Refresh) ร่วมไปด้วย
6. ไอโฟนร้อนจัด
มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ไอโฟนร้อน แต่อาจเป็นไปได้ว่า iOS 11 กำลังเร่งให้เครื่องทำงานอย่างหนัก สิ่งที่ทำได้เบื้องต้น มีเพียงการหาทางระบายความร้อนให้ไอโฟนก่อน เช่น การถอดเคส การปิดไอโฟนป้องกันไม่ให้โดนแสงแดด หรือแหล่งความร้อนอื่น รวมถึงการถอดปลั้กไฟออก เพื่อรอให้เครื่องเย็นลงก่อนจะเสียบใหม่อีกครั้ง ซึ่งหากไม่ดีขึ้น ควรคืนค่าแล้วย้อนกลับไปใช้ข้อมูลที่สำรองไว้ก่อน
7. ปุ่ม Power ไม่ทำงาน
บางรายพบว่า การอัปเดตเป็น iOS 11 ทำให้ปุ่มเพาเวอร์หยุดทำงาน เบื้องต้น ให้ปิดไอโฟนด้วยการเลือกไปที่การตั้งค่า > ทั่วไป และเลื่อนไปที่ด้านล่างของรายการ จะเห็นตัวเลือก “ปิดเครื่อง” วิธีนี้จะทำให้สามารถเลื่อนแถบบนหน้าจอเพื่อปิดไอโฟน หรือรีสตาร์ท เพื่อปิดเปิดโทรศัพท์ใหม่เพราะมีบางอย่างผิดปกติ
8. iOS 11 ใช้ Outlook หรือ Exchange ไม่ได้
แอปเปิล ยืนยันว่า ได้รับทราบข้อผิดพลาดที่ทำให้ผู้ใช้ iOS 11 บางรายไม่สามารถส่งอีเมลผ่านเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์ (Microsoft) ได้ โดยข้อความแสดงข้อผิดพลาดระบุว่า “ไม่สามารถส่งอีเมล ข้อความถูกปฏิเสธโดยเซิร์ฟเวอร์” หรือ “Cannot Send Mail. The message was rejected by the server.”
คาดว่า ขณะนี้แอปเปิล และไมโครซอฟท์ สามารถแก้ปัญหาได้แล้ว เนื่องจากไม่มีคำร้องเรียนในกรณีนี้เพิ่มขึ้น
9. ศูนย์ควบคุม Control center ไม่ได้ดั่งใจ
Control Center เป็นวิธีใหม่ที่แอปเปิลเสนอให้ผู้ใช้ควบคุมอุปกรณ์หลายชิ้นที่ใช้อยู่ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตัดการเชื่อมต่อจาก Wi-Fi หรือสลับเพลงอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ใช้บางรายที่ติดตั้ง iOS 11 พบว่า Control center ทำงานไม่ตรงกับที่ต้องการ จุดนี้มีคำแนะนำให้แก้ปัญหาโดยเปลี่ยนมาทำงานแบบควบคุมเอง โดยไปที่ Settings > Control Center > Customize Controls
10. Control Center ยังโชว์แม้ขณะเล่นเกม
ปกติแล้ว แอปเปิลออกแบบให้ทุกคนสามารถเข้าถึง Control Center ได้ง่ายเพียงกวาดนิ้วขึ้นจากด้านล่างของหน้าจอ แต่หลายคนอารมณ์เสียง เพราะบังเอิญกวาดนิ้วขณะใช้แอปฯ หรือเล่นเกม จุดนี้ผู้ใช้สามารถปิดใช้งานวิธีการเข้าถึงนี้ได้ในขณะที่อยู่ในแอปน นั้น โดยไปที่ “การตั้งค่า > ศูนย์ควบคุม และปิดใช้งานการเข้าถึงได้ภายในแอป”
11. Control Center ไม่ได้ปิด Wi-Fi หรือ Bluetooth ให้จริง
หลายคนพบปัญหาเกี่ยวกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี ทำให้ต้องการปิด Wi-Fi และ Bluetooth เมื่อไม่ได้ใช้งาน จุดนี้รายงานระบุว่า หากต้องการปิดทั้งสองคุณสมบัตินี้ จะต้องเข้าไปในเมนูการตั้งค่าหลัก หรือคุณสามารถตั้งค่า Airplane Mode เพื่อปิดการเชื่อมต่อเครือข่ายวิทยุทั้งหมดของอุปกรณ์ เนื่องจากการปิดจาก Control Center นั้น ไม่ได้ปิดเครือข่ายทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth แบบครบถ้วนหมดจด
12. Dock ด้านล่างของ iPad หายไป
หลายคนที่เพิ่งใช้ iOS 11 ใน iPad อาจชื่นชอบ Dock ใหม่ที่ด้านล่างของหน้าจอ ซึ่งมีลักษณะเหมือน Dock ใน Mac OS อย่างไรก็ตาม เจ้าของ iPad อาจพบบางครั้ง หรือบ่อยครั้งที่ Dock ใหม่หายตัวไป ไม่ต้องกังวล เพียงแค่กวาดนิ้วขึ้นที่ด้านล่างของหน้าจอ Dock ใหม่ ก็จะแสดงก่อนจะซ่อนตัวอีกครั้งเมื่อไม่ใช้งาน
13. ภาพใน iOS 11 มีปัญหา
ไม่นานหลังจาก iOS 11 เริ่มเปิดให้ใช้งาน รายงานบางแห่งระบุว่า iOS 11 ตั้งค่าให้ภาพจากกล้องถูกตั้งค่าให้บันทึกในสกุล HEIF ทำให้ภาพที่ถ่ายไว้ไม่สามารถเปิดดูในคอมพิวเตอร์ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows) ได้ ส่งให้ภาพที่อัปโหลดขึ้นเครือข่ายสังคม เช่น เฟซบุ๊ก (Facebook), ทวิตเตอร์ (Twitter) และอินสตาแกรม (Instagram) ไม่สามารถเปิดชมได้บนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหลายเครื่อง
ทางเทคนิก HEIF เป็นเทคโนโลยีบีบอัดรูปภาพที่ช่วยลดขนาดไฟล์ภาพ ทำให้ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บโดยยังคงคุณภาพสีสันไว้เช่นเดิม ฟอร์แมตนี้พัฒนาสำเร็จครั้งแรกเมื่อปี 2015 ทำให้แอปเปิลประกาศนำมาใช้กับระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 11 และ macOS High Sierra
นอกจากภาพบนเครือข่ายสังคม Facebook, Twitter, Instagram การส่งภาพจากไอโฟนระบบปฏิบัติการ iOS ใหม่สู่บริการคลาวด์ เช่น Google Drive, Google Photos, Dropbox แล้วดาวน์โหลดมาเปิดบน Windows ล้วนไม่สามารถเปิดได้ ทางแก้ในเบื้องต้น คือ ให้ตั้งค่ากล้องก่อนถ่าย โดยไปที่การตั้งค่า Settings > Camera > Formats แล้วเลือกเป็น Most Compatible เพื่อให้ภาพบันทึกในนามสกุล JPG สำหรับภาพที่เป็นฟอร์แมต HEIF ไปแล้ว สามารถแปลงกลับเป็น JPG ธรรมดาได้เช้นกัน
14. ข้อความไม่สำรองไปยัง iCloud
ผู้ใช้บางรายพบว่าข้อความที่พิมพ์บนไอโฟนไม่สำรองไปยังบริการ iCloud และการลบก็ไม่ได้ถูกซิงก์ให้สอดคล้องกัน ปัญหานี้คาดว่าจะได้รับการแก้ไขในไม่นานนับจากนี้
15. Apple Pay ใช้ไม่ได้
บางกรณี ผู้ใช้พบว่า ไม่สามารถชำระเงินให้กับเพื่อนผ่าน Apple Pay ปัญหานี้ต้องรอการอัปเดตในอนาคตเช่นกัน
16. Animoji ไม่ทำงาน
หลายคนเข้าใจผิดว่า iOS ใหม่มี Animoji แต่แท้จริงแล้ว อีโมจิเคลื่อนไหวได้ใหม่ล่าสุดนั้น มีให้เฉพาะบน iPhone X เท่านั้นจ้า
17. Siri เสียงแปลกไป
iOS 11 มาพร้อมกับการปรับปรุง Siri ให้พูดด้วยเสียงเป็นธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้น จงทำความคุ้นเคยกับ Siri คนใหม่ที่มีความเป็นหุ่นยนต์น้อยลง
18. อัปเดต iOS 11 ไม่ได้
แม้ว่า iOS 11 จะรองรับหลายอุปกรณ์ ทั้ง iPhone 6 หรือ iPhone SE, iPod touch รุ่นที่ 6, iPad Pro, iPad Mini 2 และ iPad Air แต่อุปกรณ์ที่เก่ากว่านี้จะไม่รองรับ iOS 11 ดังนั้น การแก้ไขปัญหาเพียงอย่างเดียว คือ จงซื้ออุปกรณ์ใหม่เสียโดยดี.