xs
xsm
sm
md
lg

อีกก้าวของแพลตฟอร์มเช่ารถ “ไดร์ฟเมท” จับมือแอลเอ็มจี ดูแลประกันรถรายวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ไดร์ฟเมท สตาร์ทอัปแพลตฟอร์มปล่อยเช่ารถ วางเป้ารายได้สิ้นปี 20 ล้านบาท และเป็น 50 ล้านบาทภายในสิ้นปีหน้า ก่อนขยายบริการไปยังมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ในอนาคต พร้อมประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับแอลเอ็มจี ประกันภัยรถยนต์ ในการเข้ามาดูแลรถเช่าด้วยรูปแบบประกันภัยรายวัน

นายศิลป์รัฐ สุขวัฒนศิริ ผู้ก่อตั้งไดรฟ์เมท กล่าวว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ไดร์ฟเมทเปิดให้บริการผ่านหน้าเว็บไซต์ในการเรียนรู้พฤติกรรมของทั้งผู้เช่า และผู้ปล่อยเช่า จนปัจจุบันมีการเช่าใช้รถเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 400 คัน พร้อมกับมีแผนที่จะเปิดให้บริการแพลตฟอร์มผ่านแอปพลิเคชันในเดือนพฤศจิกายนนี้

“คาดว่าจากการเปิดให้บริการเช่ารถผ่านแอปพลิเคชัน จะช่วยเพิ่มยอดทั้งจำนวนผู้ปล่อยเช่ารถ และผู้เช่ารถขึ้น 3-4 เท่าจากปัจจุบัน ทำให้คาดว่า จนถึงสิ้นปีนี้ไดร์ฟเมทจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 50 ล้านบาทในปีหน้า”

ทั้งนี้ รูปแบบการให้บริการแพลตฟอร์มเช่ารถของไดร์ฟเมท จะเป็นในรูปแบบของการทำแชร์ริ่ง อีโคโนมี่ ในการเปิดให้ผู้ที่มีรถปล่อยเช่าที่มีรถยนต์ส่วนบุคคลที่ไม่ได้ใช้งาน เข้ามาสมัครบริการกับทางไดร์ฟเมท โดยจะต้องมีการไปทำ พ.ร.บ. ให้เป็นรับจ้าง/ให้เช่า/สาธารณะ แทน พ.ร.บ. ส่วนบุคคล ก่อนกำหนดราคาปล่อยเช่า โดยทางไดร์ฟเมทจะมีการกำหนดเพดานราคาไว้

ส่วนผู้ที่จะมาเช่าก็ต้องมีการยืนยันหลักฐาน และการยอมรับในข้อตกลงการเช่าใช้รถ โดยระดับราคาเริ่มต้นต่อวันจะอยู่ที่ราว 700 บาท สำหรับอีโคคาร์ ไปจนถึง 50,000 บาท สำหรับเฟอร์รารี่ ทั้งนี้ ในส่วนของราคาเช่าใช้จะเป็นราคาที่รวมค่าประกันภัยรายวันจากทางแอลเอ็มจีเข้าไป ในรูปแบบของประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองสูงสุด 10 ล้านบาท

“การที่มีแอลเอ็มจี เข้ามาเสริม จะทำให้แพลตฟอร์มของไดร์ฟเมท ได้รับการการันตีให้ทั้งผู้ปล่อยเช่า และผู้เช่า ที่จะมั่นใจได้ว่า รถยนต์ที่นำมาใช้กรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือมีเหตุการณ์รถเสีย ก็จะได้รับการคุ้มครองจากประกันภัย”

ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบราคารถเช่าจากแพลตฟอร์มของไดร์ฟเมท กับบริการการเช่ารถเดิมที่มีอยู่ ทางไดร์ฟเมท ระบุว่า ถ้าเป็นรถในประเภทอีโคคาร์ จะมีระดับราคาใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเป็นรถในระดับเอสยูวี, รถตู้ ทางไดร์ฟเมท จะให้ราคาต่ำกว่า 20-30% ที่สำคัญ คือ มีการบริการนัดรับรถถึงที่ด้วย

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ไดร์ฟเมทเริ่มให้บริการแล้วใน 35 จังหวัด มากกว่า 6,000 คัน เริ่มจากในหัวเมืองใหญ่ที่มีสนามบิน และจะขยายไปตามเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เพื่อรับกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยคาดว่า หลังจากที่เปิดใช้งานแอปฯ สัดส่วนการใช้งานจากชาวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 40% จากปัจจุบันที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย

สำหรับในแง่ของโมเดลธุรกิจ ไดร์ฟเมทจะใช้รูปแบบของส่วนแบ่งรายได้มาเป็นค่าบริการ โดยกำหนดคงที่ไว้ที่ 25% โดยปัจจุบัน รถที่มีอยู่ในระบบกว่า 50% จะเป็นอีโคคาร์ และรถขนาดเล็ก ถัดมา 30% เป็นกลุ่มเอสยูวี และรถตู้ และอีก 20% เป็นในระดับซูเปอร์คาร์

ส่วนแผนการขยายธุรกิจในอนาคต จากการที่ได้รับการสนับสนุนจากดีแทค แอคเซอเลอเรท จึงมีโอกาสที่จะขยายบริการไปในมาเลเซีย ซึ่งมีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่าง “ดิจิ” ที่อยู่ในเครือข่ายเทเลนอร์ รวมถึงกองทุนสตาร์ทอัปอย่าง 500 ทุเรียน ที่เป็นกองทุนในระดับภูมิภาคคอยให้การสนับสนุนต่อไปในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น