ผ่านพ้นช่วงมรสุมชีวิตของซัมซุงไปแล้ว หลังจากส่ง Galaxy S8/S8+ ไปถึงฝั่งฝัน ก็ถึงคิวของสมาร์ทโฟนที่หลายคนจับตามองมากที่สุดอย่าง Samsung Galaxy Note 8 ที่ในครั้งนี้ ซัมซุงตั้งใจเปิดตัว Galaxy Note 8 ให้กลายเป็นอีกหนึ่งแฟลกชิปรุ่นใหญ่ที่สุดเท่าที่ซัมซุงเคยพัฒนามา ตั้งแต่ความพิถีพิถันในเรื่องการออกแบบไปถึงการใส่กล้องหลังคู่ (Dual Camera) เป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟนของซัมซุง
โดยในวันนี้ทีมงานผู้จัดการไซเบอร์จะขอพาผู้อ่านไปถอดสเปก 5 เรื่องสุดว้าว Samsung Galaxy Note 8
1. ดีไซน์ใหม่พร้อมหน้าจอ Infinity Display
เดิมทีหน้าจอ Infinity Display หรือหน้าจอไร้ขอบถูกนำมาใช้ครั้งแรกบน Galaxy S8/S8+ และวันนี้ Galaxy Note 8 ก็ได้นำหน้าจอประเภทนี้มาติดตั้งพร้อมขยายขนาดเป็น 6.3 นิ้ว บนสัดส่วนหน้าจอ 18.5:9 ที่ซัมซุงเคลมว่าหน้าจอสัดส่วนนี้จะทำการให้รับชมภาพยนตร์ที่ส่วนใหญ่เป็นอัตราส่วน 21:9 ทำได้เต็มตาขึ้น
ด้านการจับถือถ้าเทียบเฉพาะกลุ่ม Galaxy Note ทุกรุ่นที่ผ่านมา Note 8 ถูกออกแบบมาให้เน้นการจับถือได้ถนัดมือที่สุด แม้ไม่ใส่เคส ขอบจอที่โค้งทั้ง 2 ด้านทั้งหน้า และหลัง เวลาถือใช้งานจะเข้ากับร่องนิ้วพอดี
2. ปากกา S Pen ใหม่ ใช้ใต้น้ำได้
เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ Galaxy Note มีชื่อเสียงมาจนทุกวันนี้ แม้ใน Note 8 มองภาพรวมแล้ว S Pen ดูไม่มีการปรับเปลี่ยนเรื่องดีไซน์จากรุ่นก่อนหน้า แต่สเปกภายในซัมซุงได้พัฒนาใหม่หมด เริ่มตั้งแต่ 1. หัวปากกาปรับไปใช้หัวยางขนาด 0.7 มิลลิเมตร ทำให้ปากกาเขียนได้ลื่นไหลมากขึ้น แถมยังไม่ทำให้หน้าจอเป็นรอยด้วย 2. S Pen ใหม่รองรับแรงกดได้ละเอียด 4,096 ระดับเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าเป็นเท่าตัว และสุดท้ายฟีเจอร์ปากกาสุดเด็ดที่หลายคนประทับใจจาก Note 7 อย่างความสามารถในการเขียนใต้น้ำ และใช้ปากกาสัมผัสหน้าจอแทนทัชสกรีน ก็สามารถทำได้ใน Note 8 ทั้งตัวเครื่อง และปากกา S Pen ตามมาตรฐาน IP68
นอกจากนั้น ฟีเจอร์ปากกา S Pen ยังถูกเพิ่มเติมให้รองรับการเขียน Live Message โดยผู้ใช้สามารถวาดภาพในรูปแบบ GIF Animation และส่งไปให้คนสนิทได้ทันที อีกทั้งยังรองรับการเขียนข้อความบนหน้าจอ Always on Display (AOD) จากนั้น เลือกตรึงข้อความไว้ อารมณ์แบบเดียวกับการเขียน Post-it เพื่อใช้เตือนความจำ เช่น เขียนรายการซื้อสินค้าไว้ เมื่อไปถึงห้างเราก็เพียงยก Note 8 ขึ้นมาแล้วดูรายการสั่งซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องปลดล็อกหน้าจอให้เสียเวลา
ในส่วนฟีเจอร์ปากกาอื่น ๆ การใช้งานหลักยังคงเหมือนทั้ง Galaxy Note 5 และ Note 7 คือ สามารถเขียนผ่าน Samsung Notes สามารถเลือกตัดภาพที่ต้องการได้ เขียนบนหน้าจอ สร้าง GIF Animation จากวิดีโอโดยใช้ปากกาครอปภาพที่ต้องการ รวมถึงสามารถแปลภาษาได้ (รองรับการแปลไทย-อังกฤษ และสามารถแปล Subtitle ที่อยู่ในเกมหรือวิดีโอได้ด้วย) หรือจะเลือกครอปภาพอย่างอิสระก็สามารถทำได้แบบเดียวกับ Note 7
3. รู้หรือไม่ Galaxy Note 8 แชร์ WiFi Internet ได้ด้วย
นอกจากสเปกการเชื่อมต่อเครือข่ายจะถูกปรับปรุงมาให้รองรับทุกระบบที่มีใช้ในโลกปัจจุบันตั้งแต่ความสามารถในการเชื่อมต่อ 4G LTE Cat.16 รองรับเทคโนโลยีรวมคลื่นความถี่มากถึง 4 คลื่นพร้อมกัน ไปถึงรองรับบริการ Next G ใหม่ของ AIS และบลูทูธยังใช้เป็นเวอร์ชัน 5.0 ใหม่ล่าสุดด้วยแล้ว ด้านสเปก WiFi ซัมซุงยังได้ปรับปรุงภาครับส่งสัญญาณเป็น MU-MIMO (Multi-User Multiple-Input and Multiple-Output) รองรับความเร็วสูงระดับ Gigabit ทำให้ตัวเครื่องสามารถแชร์ WiFi ที่เชื่อมต่อกับ Note 8 ส่งผ่าน WiFi อีกครั้งไปให้สมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ได้ (จากปกติเราจะสามารถแชร์ Hotspot ได้แค่ 3G/4G เท่านั้น)
นอกจากนั้น Galaxy Note 8 ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Adaptive Wi-Fi ที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบเสถียร เพราะเมื่อเปิดใช้ฟังก์ชันนี้ เมื่อใดก็ตามที่ WiFi ที่เราเชื่อมต่อสัญญาณไม่ดี ระบบจะดึงข้อมูลจากดาต้าอินเทอร์เน็ต 3G/4G มาเสริมทันที
4. กล้องหลังคู่ใหม่หมดครั้งแรกของซัมซุง
หลังจาก Galaxy S8/S8+ ถูกวิจารณ์เรื่องกล้องถ่ายภาพหลังว่าไม่มีฟีเจอร์น่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่ง มาใน Galaxy Note 8 ซัมซุงจึงปรับไปใช้กล้องหลังคู่ (Dual Camera) ซึ่งใช้สเปกคล้ายกับ iPhone 7 Plus คือ เป็นเลนส์ 2 ระยะ ได้แก่ กล้องตัวแรกเป็นเลนส์มุมกว้าง 26 มิลลิเมตร รูรับแสงกว้าง f1.7 ส่วนกล้องตัวที่สองเป็นเลนส์ระยะ Normal 52 มิลลิเมตร รูรับแสงกว้าง f2.4 โดยกล้องทั้งสองตัวจะให้ความละเอียดภาพสูงสุดที่ 12 ล้านพิกเซลบนเซ็นเซอร์รับภาพ 1.4 ไมครอนตัวเดียวกับ Galaxy S8/S8+ พร้อมระบบออโต้โฟกัส Dual Pixel
ทำให้ระบบกล้อง Note 8 รองรับการซูมออปติคอล 2 เท่าและสามารถทำหน้าชัดหลังเบลอ โดยซัมซุงเรียกฟีเจอร์นี้ว่า “Live Focus” พร้อมเพิ่มระบบป้องกันภาพสั่นไหว Optical Image Stabilization (OIS) มาให้กับกล้องทั้งสองตัวแบบ Dual OIS
5. Link Sharing แอปที่คนชอบแชร์ควรได้ลองใช้
สำหรับคนที่ชอบส่งภาพให้เพื่อน ปกติเรามักใช้ NFC หรือบลูทูธในการโยนภาพไปยังมือถือของเพื่อน ซึ่งถ้าเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ด้วยกันมักไม่มีปัญหา แต่ถ้าเพื่อนของคุณใช้สมาร์ทโฟนคนละแพลตฟอร์มเช่น iOS การส่งไฟล์จะเริ่มทำได้ยากขึ้น ทำให้เราต้องพึ่งบริการอย่าง Dropbox หรือส่งผ่านอีเมลที่มีรูปแบบการทำงานค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้ซัมซุงได้คิดค้นบริการ Link Sharing ขึ้นมา ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา โดยระบบจะให้เราสามารถส่งรูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์อะไรก็ได้ ไม่เกินวันละ 2GB จากนั้น เมื่อเรากดใช้งาน ระบบจะนำไฟล์ของเราไปฝากไว้บนคลาวด์สตอเรจของซัมซุงชั่วคราว (ลิงก์มีอายุ 24 ชั่วโมง และต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการส่งไฟล์) พร้อมสร้างลิงก์ไฟล์มาให้เรา เราก็เพียงนำลิงก์ไฟล์นั้นส่งให้เพื่อนเพื่อไปดาวน์โหลดออกมา โดยหลักการทำงานจะคล้ายเราฝากไฟล์ไว้ใน Dropbox แต่ระบบนี้ใช้งานง่ายกว่า เพราะไม่ต้องล็อกอินเข้าใช้งานแอปใด ๆ เพียงกด Link Sharing เพียงปุ่มเดียวระบบจะจัดการให้เสร็จสรรพ
สำหรับราคาเปิดตัว Samsung Galaxy Note 8 อยู่ที่ 33,900 บาท เริ่มขายแล้ววันนี้ และสามารถติดตามรีวิวฉบับเต็มได้ทาง www.cyberbiz.in.th