มีรายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดโดยสำนักข่าว CNBC ระบุว่า เทสล่า (Tesla) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) กำลังจะมีชิปควบคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเป็นของตัวเองแล้ว โดยแหล่งข่าวของ CNBC รายงานว่า ทางบริษัทได้รับตัวอย่างของชิปมาแล้ว และกำลังเริ่มทดสอบแล้วอย่างเป็นทางการด้วย
การพยายามลดการพึ่งพิงผู้ผลิตชิปยี่ห้ออื่น ๆ ด้วยการผลิตชิปของตัวเอง เพื่อใช้ในรถยนต์ของตัวเองนั้น เป็นสิ่งที่เทสล่าได้พยายามมานาน แต่ในความสำเร็จครั้งนี้ ไม่ได้เกิดจากตัวของเทสล่าตามลำพัง หากแต่เทสล่าผลิตโดยใช้สินทรัพย์ทางปัญญาของค่ายเอเอ็มดี (AMD) ในการพัฒนาครั้งนี้ด้วย ซึ่งทันทีที่นักลงทุนทราบว่าเอเอ็มดีมีการร่วมมือกับเทสล่า ก็พบว่า หุ้นของเอเอ็มดีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว
โดยนอกจากสินทรัพย์ทางปัญญาที่เป็นของเอเอ็มดีแล้ว รายงานของทาง CNBC ระบุว่า ปัจจุบัน ทีมพัฒนาชิปนั้น มีพนักงานมากกว่า 50 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอดีตพนักงานของเอเอ็มดีด้วย เช่น ผู้อำนวยการ คเณศ เวนกาทารามานาน (Ganesh Venkataramanan) วิศวกรฮาร์ดแวร์ บิล แมคจี (Bill McGee) และหัวหน้าทีมนักออกแบบแผงวงจร แดน บายเลย์ (Dan Bailey) โดยมีหัวหน้าทีม คือ จิม เคลเลอร์ (Jim Keller) สถาปนิกด้านชิปคนดัง ซึ่งเคลเลอร์ ในวัย 57 ปี ได้เข้าร่วมงานกับเทสล่า เมื่อต้นปี 2016 และเขาคนนี้เองก็เคยเป็นผู้ออกแบบชิปเอ 4 และเอ 5 ให้กับแอปเปิล (Apple) มาแล้วในช่วงปี 2008
โดยเหตุที่ต้องหาทางพัฒนาชิปเป็นของตัวเองให้ได้เร็วที่สุดนั้น ส่วนหนึ่งมาจากชิปที่เทสล่าใช้อยู่ในส่วนของระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั้น ปัจจุบันเป็นของค่ายเอ็นวิเดีย (Nvidia)
ก่อนหน้านี้ เทสล่า ยังเคยใช้ชิปของค่ายโมบายอาย (Mobileye) ด้วย แต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อินเทล (Intel) ก็ได้ซื้อกิจการของโมบายอาย ไปเรียบร้อย ด้วยมูลค่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งอินเทล เป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกูเกิล (Google) ในการพัฒนารถอัจฉริยะเวย์โม (Waymo) คู่แข่งของเทสล่านั่นเอง
อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ชิปกราฟิกจาก Nvidia นั้น ปัจจุบันพบว่าสามารถใช้ในงานด้าน A.I. ได้อย่างหลากหลาย แต่การที่มันถูกออกแบบให้ทำงานหลาย ๆ อย่างได้ ก็ไม่ได้หมายความว่า มันจะทำงานเฉพาะทางด้าน A.I. ได้ดีอย่างที่เทสล่าต้องการ
ประกอบกับ ถ้าเทสล่าสามารถทีมผลิตชิปเป็นของตนเองได้ ก็น่าจะทำให้บริษัทมีทางเลือกมากขึ้น และไม่ทำให้ค่ายเอ็นวิเดียสามารถนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการกดดันขอปรับขึ้นราคาชิปได้อีกด้วย