ผู้ผลิตเกมบนสมาร์ทโฟนที่เคยฮิตทั่วโลกอย่างแองกรีเบิร์ดส์ (Angry Birds) วางแผนเสนอขายหุ้นครั้งแรก หรือ IPO เพื่อระดมทุน 30 ล้านยูโร (ราว 1.18 พันล้านบาท) และอาจใช้หุ้นตัวเองเพื่อซื้อกิจการในอนาคต
บริษัท โรวิโอ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (Rovio Entertainment) สัญชาติฟินแลนด์ เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ 5 กันยายนว่า ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งรวมถึงลุงของผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท กลุ่มทุน Accel Partners และ Atomico จะร่วมกันขายหุ้นบางส่วน โดยยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงปฏิเสธที่จะประมาณมูลค่าหุ้นของบริษัท ซึ่งนักเทรดหุ้นบางรายเชื่อว่าอาจสูงถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 6.6 พันล้านบาท
แม้จะถูกมองว่า เงียบเหงาไปนานแล้ว แต่ดีกรีของ Rovio ยังคงร้อนแรง ก่อนหน้านี้บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดตัวเกม “Angry Birds” ในปี 2009 เกมดังกล่าวจะเปิดให้ผู้เล่นใช้หนังสติ๊กโจมตีเจ้าหมูที่ขโมยไข่ของนกไป ปัจจุบัน Rovio ยังมีรายได้หล่อเลี้ยงจากการออกใบอนุญาตให้ใช้ตัวการ์ตูนในเกมกับสินค้ากลุ่มของเล่น และเสื้อผ้า
อย่างที่รู้กัน ธุรกิจของ Rovio เริ่มชะลอตัวในปีถัด ๆ มา ท่ามกลางคู่แข่งใหม่ จุดนี้รายงานชี้ว่า การเปิดตัวภาพยนตร์ 3D ในปีที่แล้ว (2016) ทำให้แบรนด์นกพิโรธกลับมาฮิตอีกครั้ง และสามารถเพิ่มยอดขายเกมใหม่ได้ในบางประเทศ
ปัจจุบัน Rovio ทำยอดขายช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีที่แล้วเป็น 153 ล้านยูโร ขณะที่กำไรเพิ่มขึ้นเป็น 42 ล้านยูโรจาก 11 ล้านยูโรในปีก่อนหน้านี้ ทั้งหมดทำให้ Rovio คาดว่า ยอดขายและผลกำไรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้
อย่างไรก็ตาม มูลค่าบริษัท Rovio ที่ถูกประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอาจสูงเกินจริง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่องโหว่ของ Rovio ที่นักวิเคราะห์มองว่า พึ่งพาแบรนด์ “Angry Birds” มากเกินไป ดังนั้น สิ่งที่ Rovio ควรทำ คือ การสร้างทรัพย์สินทางปัญญาใหม่เพื่อช่วยให้บริษัทเติบโตขึ้น
ขณะนี้ Rovio ลุยทำตลาดเกมใหม่เช่น “Angry Birds 2”, “Angry Birds Friends” และเกมใหม่ที่สามารถเล่นร่วมกันได้หลายคน “Battle Bay” โดยภาพรวม Rovio ระบุว่า จำนวนผู้เล่นเกมของบริษัทมียอดรวมกันทุกเกมเฉลี่ย 80 ล้านคนต่อเดือน ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา
นอกจาก Rovio ยังวางแผนคลอดภาพยนตร์เรื่อง “Angry Birds” กับโคลัมเบียพิคเจอร์ส ซึ่งมีกำหนดเปิดฉายในปี 2019
ทั้งหมดนี้ Rovio ปฏิเสธที่จะเปิดเผยกรอบเวลาเข้าตลาดหุ้นเฮลซิงกิ ทำให้ไม่มีความแน่ชัดว่า Rovio จะดันบริษัทเข้าสู่ตลาดหุ้นในช่วงปีนี้ ปีหน้า หรือปีใด.