น่าสนใจว่า ‘เอซุส’ ยังมองไทยเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จในตลาดไทยจะช่วยเป็นฐานให้รู้ว่าประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนจะตอบรับอย่างไร พร้อมปรับแนวทางในการสื่อสารหาลูกค้าให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ด้วยการนำแบรนด์เอมบาสเดอร์อย่ าง ‘กงยู’ มาช่วย
สิ่งที่เอซุส คาดหวังต่อ ‘กงยู’ หรือ กง จี ชอน ศิลปินชายจากเกาหลี คือจะเป็นผู้ที่จะมาช่วยสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้า เพราะปัจจุบันเอซุส ยอมรับว่าด้วยการที่เป็นบริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์มาก่อน วิธีการสื่อสารที่ใช้จะเน้นในการนำโปรดักส์มาเป็นตัวชูโรงเพื่อให้ลูกค้ าประทับใจ แต่ปัจจุบันความต้องการของผู้ บริโภคเปลี่ยนไป มีการใช้อารมณ์ และความรู้สึกเข้ามาช่วยในการตัดสินใจมากขึ้น
นาย ฌอห์ณ แชง หัวหน้าฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ อินคอปเปอเรชั่น ให้มุมมองว่า จริงๆแล้วเอซุสกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้ วิธีการเข้าถึงลูกค้ าในตลาดคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะมีลักษณะที่แตกต่างจากลูกค้าในกลุ่มฮาร์ดแวร์ ที่เรียนรู้จากสเปก และตัดสินใจซื้อได้
“ลูกค้าทั่วไปจะมีการใช้อารมณ์ ความรู้สึก การออกแบบของสินค้ามาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกสินค้า เอซุส จึงเลือกกงยู มาเป็นแบรนด์เอมบาสเดอร์ เพื่อที่จะมาเชื่อมความรู้สึกของวิศวกรที่ใส่ใจผู้บริโภคจากผลิตภัณฑ์ที่ออกมา ไปยังลูกค้าตามสไตล์ของผู้ ชายอบอุ่น มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน”
ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคในประเทศไทยที่ถือเป็นประเทศที่ให้การตอบรับกับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ตลอดเวลา ทำให้เอซุส มองว่า ไทยจะกลายเป็นประเทศที่ช่วยตัดสินว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ จากเอซุส รุ่นใดจะได้รับความนิยม ต่อไปยังตลาดเวียดนาม และฟิลิปปิสน์
“ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องยอมรับว่าเมื่อเทียบขนาดของประเทศอินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด แต่ไทยก็เป็นประเทศที่มีความสำคัญเช่นเดียวกันในการเป็นผู้นำตลาด ซึ่งถ้าไทยประสบความสำเร็จก็เชื่อว่าตลาดอื่นๆในภูมิภาคก็จะได้ รับความนิยมเช่นเดียวกัน”
***ขอส่วนแบ่งตลาด 10% ภายใน 6 เดือน
ข้อมูลที่จะมาช่วยชี้ชัดว่ าตลาดไทยประสบความสำเร็จ ที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือส่ วนแบ่งตลาด โดยปัจจุบันเอซุส มีส่วนแบ่งในตลาดสมาร์ทโฟนราว 3-5% หรือราวอันดับ 6-8 ในตลาด ซึ่งในแต่ละเดือนก็จะมีการปรับเปลี่ยนตามสินค้าที่เข้ามาทำตลาด
อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่เอซุ สวางไว้ในประเทศไทยคือ การมาของ Zenfone 4 ในตระกูลจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นไปให้อยู่ที่ 8-10% ภายในระยะเวลา 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้เอซุสขึ้นไปอยู่ ในอันดับที่ 4 ในตลาดสมาร์ทโฟนไทย
“เหตุผลหลักที่ขอเวลา 6 เดือนคือตลาดสมาร์ทโฟนเป็นตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้ างเร็ว ถ้าสินค้าได้รับการตอบรับที่ดี ยอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก็จะเห็นส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้ นอย่างชัดเจน แต่กลับกันถ้าไม่ได้รับการตอบรับในระยะเวลา 6 เดือนก็ไม่มีโอกาสที่จะเพิ่มส่ วนแบ่งตลาดให้พุ่งขึ้นหลังจากนั้ น”
***เพิ่มผู้บริหารดูแลธุรกิจมือถือ
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเอซุสในประเทศไทย คือการแต่งตั้งกรรมการผู้จั ดการคนใหม่เข้ามาดู แลการทำตลาดเมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา เพื่อเข้ามาคุมในธุรกิจทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นฝั่งของฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก รวมถึงหน่วยธุรกิจสมาร์ทโฟน ที่หวังว่าจะช่วยสร้างรายได้ให้ แก่เอซุสในครั้งนี้
ทำให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเล็กน้อยในบริษัท เอซุส มาเก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด โดยขยับ นายจอห์น เฉิน ขึ้นไปเป็นผู้จัดการผลิตภัณฑ์ อาวุโส ดูแลทั้งธุรกิจพีซี และสมาร์ทโฟน และเพิ่มชาร์ล ลิว มาเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์มือถือ ในการคัดเลือกรุ่นที่จะนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
โดยชาร์ล มีประสบการณ์ในการทำตลาดเอซุส ในประเทศอินเดียมาก่อนที่จะย้ายเข้ามาคุมตลาดประเทศไทย และเชื่อว่าจะสามารถเรียนรู้ และเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาดไทย ว่ามีความต้องการแบบใด และเลือกนำรุ่นที่น่าสนใจเข้ามาแข่งขัน
***แยก 3 กลุ่มย่อย 6 รุ่น
มาในปีนี้ เอซุสจึงทำการจับกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ จาก 6 รุ่นที่เปิดตัวเป็นครอบครัว Zenfone 4 ออกเป็น 6 รุ่นย่อย ใน 3 กลุ่มด้วยกัน คือ Zenfone 4 และ Zenfone 4 Pro ที่จะเน้นด้านการถ่ายภาพจากกล้องหลัง ด้วยการนำเทคโนโลยีกล้องคู่จาก Zenfone Zoom S มาพัฒนาเพิ่มเติมในการสร้ างความต่างให้แก่ตลาด
โดยในรุ่น Zenfone 4 Pro จะชูจุดเด่นที่มีกล้องซูมคู่กับเลนส์กล้องหลัก ทำงานด้วยเทคโนโลยี Pixel Master เพื่อให้ภาพที่คมชัดมากที่สุด ส่วน Zenfone 4 จะมาคู่กับเลนส์มุมกว้างคู่กั บเลนส์ปกติ เพื่อให้สามารถเก็บภาพวิว ทิวทัศน์ได้มุมมองที่กว้างขึ้น
“จากการทดสอบภายในของเอซุส พบว่ากล้องของ Zenfone 4 Pro ให้รายละเอียดที่เหนือกว่า Samsung Galaxy S8 รวมถึง iPhone 7 ส่วน Zenfone 4 ก็ชนะ Samsung Galaxy A7 หรือแม้แต่ Huawei P10 ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันได้”
ถัดมาคือในกลุ่ม Zenfone 4 Selfie ที่เน้นกล้องหน้าในการถ่ายเซลฟี่เป็นหลัก มีด้วยกัน 2 รุ่นคือ Zenfone 4 Selfie ที่มากับกล้องหน้ามุมกว้าง และเลนส์ปกติ 20 ล้านพิกเซล และ Zenfone 4 Selfie Pro ที่ให้ความละเอียดกล้องหน้าถึง 24 ล้านพิกเซล
สุดท้ายคือ Zenfone 4 Max และ Zenfone 4 Max Pro ที่เน้นในแง่ของแบตเตอรี ขนาดใหญ่ และสามารถใช้งานเป็นพาวเวอร์ แบงค์ให้เครื่องอื่นได้ด้วย ด้วยการใส่แบตเตอรีมาให้ 4,100 mAh และ 5,000 mAh ตามลำดับ พร้อมกับกล้องคู่หลังให้ไปใช้ งานต่อเนื่องเวลาไปท่องเที่ยว
“จะเห็นว่าใน 3 กลุ่ม เอซุส จะเข้าไปชนกับคู่แข่งตรงๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้องที่ชนกั บแฟลกชิปสมาร์ทโฟนของซัมซุง และแอปเปิล เรื่องกล้องหน้าเซลฟี่ ก็จะชนกับออปโป้ และวีโว่ ส่วนเรื่องแบตเตอรีถือเป็นไลน์ พิเศษที่เอซุสเพิ่มขึ้นมาจากความต้องการของลูกค้า”
***เรียนรู้จากอดีต
ในช่วงการทำตลาด Zenfone 3 ในปีที่ผ่านมา เอซุส เองก็ได้มีการเปิดตัวพร้อมประกาศทำตลาดอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการแยกย่อย Zenfone 3 ออกเป็นหลายๆซีรีส์ ไล่ระดับราคาตั้งแต่ช่วง 5,990 บาท ไปจนถึงรุ่นไฮเอนด์อย่าง Zenfone 3 Deluxe ที่เปิดตัวมาในระดับ 28,900 บาท
เพียงแต่ว่า ด้วยการที่สินค้าบางรุ่นเข้าตลาดล่าช้า ทำให้ไม่เกิดความต่อเนื่องในการทำตลาด รวมกับไม่ได้มีการโฆษณา และประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง ทำให้ Zenfone 3 ที่น่าจะไปได้ดีในแง่ของความหลากหลายในตัวผลิตภัณฑ์ ให้ผู้บริโภคเลือกใช้ กลับทำยอดขายได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ไม่รวมถึงการที่รุ่นเด่นที่มากับนวัตกรรมอย่าง Zenfone 3 Zoom หรือที่เปลี่ยนชื่อเป็น Zenfone Zoom S ที่เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกของเอซุส ที่มาพร้อมกับกล้องคู่ (Dual Camera) ที่กว่าจะเข้ามาทำตลาดในไทย ก็เป็นช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา แม้ว่าจะเปิดตัวตั้งแต่ปีที่แล้ว
ทำให้ในการทำตลาด Zenfone 4 จะทยอยนำสินค้าเข้าตลาดไทยให้เร็วที่สุด โดยหลังจากเปิดตัวก็เตรียมพร้อมจำหน่าย Zenfone 4 Max Pro และ Zenfone 4 Selfie ทันที ก่อนที่รุ่น Zenfone 4 Max และ Zenfone 4 Selfie Pro จะทยอยเข้ามาทำตลาดภายในวันที่ 12 กันยายน
ส่วน Zenfone 4 และ Zenfone 4 Pro มีแผนที่จะจำหน่ายในจำนวนจำกัดภายในงานไทยแลนด์ โมบายเอ็กซ์โป ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 กันยายน - 1 ตุลาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ร่วมกับ Zenfone 4 Selfie Pro สีแดง ที่มีจำนวนจำกัดเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกันในแง่ของราคาก็เป็นอีกจุดที่จะมาช่วยตัดสินว่าอนาคตของ Zenfone 4 จะเป็นอย่างไรในตลาดประเทศไทย โดยขณะนี้นี้ราคาที่ออกมาอย่างเป็นทางการจะมีจำหน่ายด้วยกันก่อน 4 รุ่นคือ เริ่มจาก Zenfone 4 Max ในราคา 5,990 บาท Zenfone 4 Max Pro ในราคา 7,990 บาท
ส่วน Zenfone 4 Selfie วางจำหน่ายในราคา 8,990 บาท และ Zenfone 4 Selfie Pro ในราคา 13,990 บาท ส่วนราคาจำหน่ายของ Zenfone 4 ยังไม่ได้กำหนดมา เช่นเดียวกับ Zenfone 4 Pro ที่จะทำตลาดเฉพาะไม่ได้วางจำหน่ายในช่องทางปกติ
