xs
xsm
sm
md
lg

แนวทางใหม่ “เลอโนโว” เน้นสร้างผลกำไร พร้อมนำนวัตกรรมตอบโจทย์ลูกค้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอ็มดีใหม่ “เลอโนโว” สานต่อแนวทางเดิมของเลอโนโว ในการเป็นผู้นำธุรกิจไอทีด้วยนวัตกรรม เพิ่มแนวทางการทำตลาดที่เน้นสร้างผลกำไร และปรับการทำงานด้วยการนำเครื่องมือมาช่วยในการดูแลลูกค้า และพนักงาน เชื่อภายใน 2 ปี โน้ตบุ๊กรูปแบบเดิมจะลดลงเหลือไม่ถึง 40%

นายธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว กล่าวว่า ในการเข้ามารับตำแหน่งครั้งนี้ หน้าที่หลัก ๆ เลย คือ การเข้ามาสานต่อแนวทางเดิมของเลอโนโวที่ทำไว้ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตต่อไป โดยเฉพาะในแง่ของการสร้างผลกำไรให้แก่บริษัท ไม่ใช่แค่การทุ่มเพื่อขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาดเพียงอย่างเดียว รวมถึงการเข้ามาดูแลในแง่ของขั้นตอนการปฏิบัติงานหลาย ๆ ส่วน ด้วยการปรับเครื่องมือในการทำงานให้ดูแลลูกค้า และพนักงานให้ดีขึ้น

“ตอนนี้ในภาพรวมของเลอโนโวในประเทศไทย ในกลุ่มธุรกิจองค์กรขนาดกลางและย่อย ถือเป็นอันดับ 1 อยู่ แต่ในส่วนของตลาดองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ก็ต้องทำงานหนักมากขึ้น รวมถึงการวางกลยุทธ์ในการรุกตลาดคอนซูเมอร์เฉพาะกลุ่ม ด้วยการสร้างผลกำไรจากฐานนวัตกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

เบื้องต้น เลอโนโวได้มีการวางแผนกลยุทธ์หลักในปีนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนประกอบไปด้วย 1. รักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดพีซีระดับโลก 2. สร้างตลาดในกลุ่มอุปกรณ์พกพา และดาต้าเซ็นเตอร์ ให้กลายเป็นกลุ่มที่เติบโต พร้อมสร้างรายได้ และ 3. มีการลงทุนต่อเนื่องเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการผสมผสานระบบคลาวด์เข้าไปในอุปกรณ์พกพา

“ในตลาดโลกเลอโนโว สร้างรายได้กว่า 4.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา โดยกว่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐมาจากธุรกิจพีซีที่ยังคงเป็นหัวใจหลักอยู่ ดังนั้น ทิศทางที่เกิดขึ้นในประเทศไทยก็จะสอดคล้องกับทั่วโลก คือ การขยายฐานในกลุ่มของโมบาย และดาต้าเซ็นเตอร์ ให้เติบโตขึ้น”

นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทยฝ่ายผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์ เลอโนโว ให้ข้อมูลเสริมว่า ภาพรวมตลาดพีซีในปีนี้จากข้อมูลของจีเอฟเค ระบุว่า น่าจะอยู่ราว 2.2 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นในตลาดคอนซูเมอร์ ประมาณ 1.2 ล้านเครื่อง และตลาดองค์กรอีกราว 1 ล้านเครื่อง ซึ่งที่ผ่านมา ในแง่ของจำนวนเครื่องจะอยู่ในระดับบวกลบ 3-5% แต่ในแง่ของมูลค่ายังมีการเติบโต 5-10% ในแต่ละปี

โดยในจำนวน 1.2 ล้านเครื่องของคอนซูเมอร์พีซี จะแบ่งเป็นตลาดเดสก์ท็อปประมาณ 5 แสนเครื่อง และโน้ตบุ๊กอีกราว 7 แสนเครื่อง ซึ่งในจำนวน 7 แสนเครื่องนี้จะเป็นโน้ตบุ๊กในฟอร์มเฟกเตอร์เดิมอยู่ประมาณ 70% ขณะที่ฟอร์มเฟกเตอร์ใหม่ ๆ เริ่มเข้ามามีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น

“เชื่อว่าภายใน 2 ปีข้างหน้าโน้ตบุ๊กในรูปแบบเดิม ๆ หนา ๆ หนัก ๆ จะมีสัดส่วนลดลงเหลือ 40% และโน้ตบุ๊กที่เป็นคอนเวิร์ดเทเบิลที่ปรับเปลี่ยนใช้งานเป็นแท็บเล็ต เครื่องบางเบาจะมีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นในกลุ่มที่เลอโนโวเป็นผู้นำอยู่”

ปัจจุบัน เลอโนโว แบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่โฟกัสในการทำตลาดพีซีออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ ที่จะมาทดแทนพีซี และโน้ตบุ๊กในรูปแบบเดิม ๆ คือ 1. กลุ่มผลิตภัณฑ์ 2 in 1 ที่คาดการณ์ว่าภายใน 2-3 ปี จะเข้ามาแทนที่ 30% ของตลาดแท็บเล็ตจากปัจจุบันอยู่ที่ 10% โดยเน้นความสามารถใช้งานได้ทั้งเป็นโน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ต ที่ปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น รองรับการใช้งานคู่กับปากกา ให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ แบบพลิกหน้าจอ (Flip) และแบบถอดจอ (Detachable) ในสินค้าตระกูล Yoga และ Miix ตามลำดับ

ถัดมา คือ ในกลุ่ม 2. Premium Ultra Slim จากสินค้าในตระกูล ideaPad และ ThinkPad ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และจะกลายเป็นกลุ่มหลักของตลาดโน้ตบุ๊กกว่าล้านเครื่องในอนาคต ที่จะเริ่มเปลี่ยนมาใช้งานในกลุ่มนี้แทนจากเครื่องในรูปแบบเดิม

สุดท้าย คือ 3. Legion ที่เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเกมเมอร์ เนื่องจากปัจจุบัน ตลาดเกมในประเทศไทยถือว่าใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทำให้ที่ผ่านมา เลอโนโวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มเกมเมอร์โน้ตบุ๊ก ระดับราคา 30,000 บาทขึ้นไป พร้อมแผนในการก้าวขึ้นไปสร้างคอมมูนิตี และกลุ่มฐานแฟนที่ใช้ผลิตภัณฑ์เล่นเกม

นอกจากนี้ ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอย่าง All In One และ Tablet ที่เริ่มกลายเป็นตลาดที่แข็งแรงจากความต้องการใช้งานเฉพาะ อย่าง AIO ที่กลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานไว้ใช้งานภายในบ้าน และแท็บเล็ตที่ถูกนำไปใช้ในตลาดคอมเมอร์เชียลมากขึ้น ในการนำไปใช้ในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ

ล่าสุด เลอโนโว ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมด 7 รุ่นที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มไลน์สินค้า ประกอบไปด้วย Yoga 520 และ Yoga 720 ในราคา 29,990 บาท และ 43,990 บาทตามลำดับ IdeaPad 720S ในราคาเริ่มต้น 39,990 บาท Legion Y720 และ Y520T ในราคา 69,990 บาท และ 26,990 บาทตามลำดับ

พร้อมกับคอมพิวเตอร์แบบ All in One AIO 520 ในราคา 21,990 บาท สุดท้าย คือ แท็บเล็ต TAB 4 ขนาด 8 นิ้ว และ 10 นิ้ว ในราคา 10,990 บาท และ 11,990 บาท ส่วนในช่วงปลายปี หรือต้นปีหน้าจะได้เห็นอุปกรณ์ VR เข้ามาทำตลาดมากขึ้น ตามความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น