เฟซบุ๊ก (Facebook) เปิดตัวเครื่องมือตัวใหม่สำหรับต่อกรกับข่าวปลอม (Fake News) แล้ว โดยเปิดใช้งานในประเทศเคนยา เนื่องจากพบว่า ในเคนยาที่กำลังจะมีการลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ และกลุ่มผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายได้มีการบิดเบือนข้อมูลที่แพร่กระจายบนโลกโซเชียลกันอยู่พอสมควรนั่นเอง
จากการสำรวจความคิดเห็นของชาวเคนยา โดยจีโอโพลล์ และพอร์ทแลนด์ คอมมูนิเคชั่น เมื่อเดือนที่ผ่านมานั้น พบว่า ในชาวเคนยา 2,000 คนที่ตอบแบบสอบถามมีถึง 90 เปอร์เซ็นต์ที่ยอมรับว่า เคยเห็นข่าวปลอมแล้ว และ 50% ยอมรับว่าเห็นข่าวเหล่านั้นมาจากโซเชียลมีเดีย
โดยข่าวปลอมนี้กำลังสร้างปัญหาใหญ่ให้เคนยา และเฟซบุ๊กมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ผู้ใช้งานชาวเคนยาเห็นข่าวปลอมมากที่สุด
ปัจจุบัน เฟซบุ๊กมีผู้ใช้งานในเคนยาราว 7 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งเครื่องมือสำหรับช่วยตรวจสอบคอนเทนต์ว่าอันไหนจริง อันไหนปลอมนั้น จะเริ่มทำงานตั้งแต่ผู้ใช้ล็อกอินเข้าระบบ โดยเฟซบุ๊กจะทำการตรวจสอบ Web Address และที่มาของข่าวนั้น ๆ ให้อย่างละเอียด รวมถึงค้นหารายงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนั้น ๆ ออกมาแสดงให้เห็นด้วย
โดยปีที่ผ่านมา เฟซบุ๊กถูกกล่าวหาว่า เป็นพื้นที่สำหรับเผยแพร่ข่าวปลอมขนาดใหญ่ และทำให้ชาวอเมริกันส่วนหนึ่งโทษว่า เป็นเพราะเฟซบุ๊ก สหรัฐอเมริกาจึงมีประธานาธิบดีอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ มาแล้ว
ในสหภาพยุโรปเองก็มีมาตรการสำหรับจัดการกับข่าวปลอมออกมาเช่นกัน เช่น ในเยอรมนี มีการออกกฎว่าจะปรับบริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หากพบว่า บริษัทไม่สามารถลบข้อความที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังออกไปได้โดยไว ทั้งนี้ เพราะเยอรมนีกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้ และเยอรมนีไม่ต้องการตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับสหรัฐอเมริกานั่นเอง
ด้าน Brooke Binkowski กรรมการบริหารของแมกกาซีน Snopes กล่าวว่า รู้สึกชื่นชมที่เฟซบุ๊ก พยายามจัดการกับ Fake News ด้วยการใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาคัดแยกข่าวสาร ขณะที่ มร. Tom Felle อาจารย์จากสาขาผู้สื่อข่าวดิจิตอลแห่งมหาวิทยาลัยซิตี้ กล่าวว่า หากเฟซบุ๊กต้องการหยุดยั้ง Fake news ให้ได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ การสนับสนุนบริษัทผู้ผลิตข่าวให้ดีกว่านี้ เพราะยิ่งสำนักข่าวแข็งแกร่งมากเท่าใด เฟซบุ๊กก็จะมีข่าวที่มีคุณภาพ จากองค์กรที่น่าเชื่อถือได้ และมีประโยชน์ต่อผู้อ่าน และผู้ลงโฆษณาของเฟซบุ๊กเองกระจายอยู่บนแพลตฟอร์มมากขึ้น