xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ เริ่มสแกนใบหน้าผู้เดินทางออกนอกประเทศใน 6 สนามบินแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจาก AP
กระทรวง Homeland Security หรือ DHS เดินหน้าโครงการสแกนใบหน้าของนักเดินทางก่อนจะออกนอกประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยท่าอากาศยาน 6 แห่งของสหรัฐอเมริกา เตรียมนำระบบสแกนใบหน้าเข้าทดสอบการให้บริการ และมีแผนจะขยายไปยังท่าอากาศยานแห่งอื่น ๆ ต่อไปในปี 2018 ด้วย

สำหรับท่าอากาศยาน 6 แห่งที่เริ่มใช้งานระบบสแกนใบหน้า ได้แก่ ท่าอากาศยานในเมืองบอสตัน, ชิคาโก, ฮุสตัน, แอตแลนต้า, ท่าอากาศยาน JFK ในนครนิวยอร์ก และกรุงวอชิงตันดีซี

จากความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นไปได้ว่า อเมริกันชนจะหลีกหนีจากการถูกเก็บข้อมูลไบโอเมทริกซ์ไม่ได้อีกแล้ว เว้นเสียแต่พวกเขาจะตัดสินใจไม่เดินทางออกนอกประเทศอีกเลย แต่ถ้ายังต้องเดินทาง ก็จะถูกบันทึกข้อมูลไบโอเมทริกซ์เหล่านี้ไว้ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่งอย่างแน่นอน

โดยก่อนหน้านี้ การเก็บข้อมูลไบโอเมทริกซ์เคยเกิดขึ้นเฉพาะลายนิ้วมือ และภาพถ่ายของผู้เดินทาง และในระยะแรกเป็นการทำเพื่อตรวจสอบชาวต่างชาติเป็นหลักว่า ใครอยู่นานเกินวีซ่า ซึ่งการที่สภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาอนุญาตให้มีการสแกนใบหน้าของชาวต่างชาติได้นั้น ก็ทำให้ทาง DHS ตัดสินใจว่า ถ้าเช่นนั้นจะสแกนใบหน้าของทุกคนที่จะเดินทางออกนอกประเทศ จึงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด

นอกจากนี้ การศึกษาของจอร์จทาวน์เซนเตอร์ (the Georgetown center) ก็ระบุว่า ปัจจุบันมีข้อมูลของชาวอเมริกันอย่างน้อย 130 ล้านคนถูกเก็บเอาไว้ในดาต้าเบสด้านไบโอเมทริกซ์แล้ว

“เมื่อชาวอเมริกันต้องเดินทางออกนอกประเทศ พวกเขาต้องทำใจไว้เลยว่า สัมภาระของเขานั้นอาจถูกเปิดเพื่อตรวจสอบ” แฮริสัน รูดอล์ฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของเมืองจอร์จทาวน์ กล่าว “แต่สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนก็คือ ใบหน้าของพวกเขาจะถูกสแกนด้วย และตอนนี้มันก็เกิดขึ้นแล้ว”

เจ้าหน้าที่ จอห์น แวกเนอร์ (John Wagner) ซึ่งดูแลด้านตรวจคนเข้าเมืองของโครงการดังกล่าวเผยว่า เจ้าหน้าที่จะลบข้อมูลการสแกนภายใน 14 วัน แต่ก็มีโอกาสที่จะเก็บข้อมูลเหล่านั้นเอาไว้นานกว่าที่กำหนดเช่นกัน นอกจากนี้ การปรับใช้เทคโนโลยีดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลเรื่องการถูกเจาะฐานข้อมูล และทำให้ข้อมูลไบโอเมทริกซ์รั่วไหลเกิดขึ้นตามมาด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น