“แกร็บ” (Grab) วางเป้าหมายระยะยาวช่วยขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเผยสถิติการใช้งานปัจจุบันที่มีการเรียกรถมากกว่า 2.5 ล้านครั้งในแต่ละวัน มีจำนวนรถที่เข้าร่วมกว่า 9.3 แสนคัน ให้บริการใน 55 เมือง และมีการดาวน์โหลดแอปไปใช้งานกว่า 45 ล้านครั้ง
แอนโทนี่ ตัน (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ ให้ข้อมูลถึงทิศทางในการให้บริการต่อไปในช่วง 5 ปีข้างหน้าของแกร็บว่า จะมีการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต่อเนื่อง พร้อมร่วมพัฒนาใน 3 ส่วนหลักๆ คือ คนขับ ผู้โดยสาร และสังคม
“ในอนาคตอันใกล้จะได้เห็นการทำงานระหว่างแกร็บ ร่วมกับรัฐบาลในหลายๆ ประเทศที่จะใกล้ชิดมากขึ้น มีการนำรูปแบบการให้บริการใหม่ๆ มาให้บริการต่อในอนาคต รวมถึงระบบการชำระเงิน ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความปลอดภัยในการชำระเงินในระบบ”
โดยระบบชำระเงินแกร็บเพย์ เครดิต (Grab Pay Credit) จะถูกพัฒนาขึ้นจากเดิมที่ใช้ผูกกับบัตรเครดิต กลายเป็นโซลูชันเติมเงินเข้าไปในระบบ เพื่อนำไปใช้เป็นค่าโดยสารล่วงหน้า หรือบริการอื่นๆในอนาคตได้ พร้อมกับการอัปเดตสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าที่ใช้งานประจำผ่านแกร็บ รีวอร์ด (Grab Rewards) ให้มีส่วนลดพิเศษเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้มีการเพิ่มบริการอย่าง แกร็บ นาว (Grab Now) ที่จะใช้แอปพลิเคชันมาเรียกรถโดยสารประเภทใดก็ได้ให้รวดเร็วที่สุด โดยจะเริ่มให้บริการในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย ก่อนขยายไปในประเทศอื่น ซึ่งขึ้นอยู่กับกฎหมายของในแต่ละประเทศ
ขณะเดียวกัน ยังได้เปิดเผยข้อมูลถึงคนขับในภูมิภาคเอเชียว่า ปัจจุบันมีรถที่เข้าร่วมให้บริการในแพลตฟอร์ม แกร็บ กว่า 9.3 แสนคัน และพบว่า ผู้ที่เข้าร่วมให้บริการแกร็บ จะสร้างรายได้สูงกว่ารายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงจากการให้บริการปกติถึง 32% (ในประเทศไทยสูงกว่ารายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงราว 19%)
การใช้งานแกร็บ ยังช่วยให้ผู้โดยสารถึงสถานที่นัดหมายได้รวดเร็วขึ้นถึง 52% เมื่อเทียบเฉลี่ยในภูมิภาค (ในประเทศไทยอยู่ที่ 20%) ส่วนจำนวนผู้ขับขี่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เติบโตถึง 340% (ในไทยเพิ่มขึ้น 226%)
สำหรับยอดดาวน์โหลดใช้งานแอปทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะอยู่ที่ 45 ล้านครั้ง มีการเรียกรถใช้งานในแต่ละวันกว่า 2.5 ล้านครั้ง และที่สำคัญพบว่า 1 ใน 5 ผู้ใช้งานแกร็บ เคยใช้บริการในหลายประเทศ