อาร์ทีบีมองเทรนด์หูฟังไร้สายเติบโตต่อเนื่อง หลังสมาร์ทโฟนระดับบน เริ่มมีการตัดพอร์ตหูฟังออก ผสมกับพฤติกรรมผู้บริโภค หันมาให้ความสำคัญกับคุณภาพ และดีไซน์มากยิ่งขึ้น เชื่อตลาดหูฟังไร้สายยังเติบโตได้ คาดสิ้นปีสร้างรายได้เพิ่ม 30% หรือราว 300 ล้านบาท โดยครึ่งหนึ่งจะมาจากผลิตภัณฑ์ของ B&O Play
นายบรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบีเทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า จากเทรนด์ของสมาร์ทโฟน และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ตลาดของอุปกรณ์เสริม โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับไลฟ์สไตล์ในประเทศไทย มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องกันมา 2-3 ปีแล้ว
โดยในปีนี้ อาร์ทีบีตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ราว 30% หรือคิดเป็นรายได้ราว 300 ล้านบาท โดยหลักๆ แล้วจะมาจากอุปกรณ์เสริมที่เป็นหูฟังไร้สาย ซึ่งที่ผ่านมา อาร์ทีบีมีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มหูฟังบลูทูธเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง
“ตลาดหูฟังบลูทูธในตอนนี้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แบรนด์ที่เคยทำหูฟังคุณภาพสูงก็หันมาให้ความสนใจกับตลาดนี้ ดังนั้น อาร์ทีบีจึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาช่วยเสริมในตลาดหูฟัง และลำโพงไร้สายในพอร์ตให้มากขึ้น”
เมื่อมองไปในตลาดหูฟังแล้ว พบว่า B&O Play ถือเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจ จากการเป็นแบรนด์เครื่องเสียงกว่า 90 ปี ที่แตกไลน์ออกมาทำตลาดในกลุ่มแฟชัน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้เชื่อว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้นไปยังกลุ่มที่ชื่นชอบการฟังเพลงคุณภาพสูงได้
เบื้องต้น การนำหูฟัง และลำโพง B&O Play เข้ามาจำหน่ายจะเลือกเฉพาะรุ่นที่เป็นแบบไร้สาย เข้ามาทำตลาด โดยคาดว่าจะสามารถทำยอดขายในปีนี้ได้ราว 150 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 200 ล้านบาทในปี 2561
ปัจจุบัน อาร์ทีบีมีสินค้าในกลุ่มหูฟัง ทำตลาดอยู่หลากหลายแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นจาบร้า (Jabra) ออดิโอเทคนิก้า (Audio-Technica) รวมถึง B&O Play ที่นำเข้ามาเสริม จะทำให้สินค้าครอบคลุมมากขึ้น และแต่ละแบรนด์ก็จะแยกกันจับตลาดอย่างชัดเจน
สำหรับผลิตภัณฑ์ของ B&O PLAY ที่นำเข้ามาทำตลาดประกอบไปด้วย Beoplay A1 ลำโพงบลูทูธไร้สายที่มีขนาดกะทัดรัด มาพร้อมคุณสมบัติป้องกันฝุ่น และละอองน้ำสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่องได้ถึง 24 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มีให้เลือก 3 สี คือ สี Tangerine red สี Sand Stone และสี Charcoal Sand ในราคา 10,500 บาท
Beoplay P2 เป็นลำโพงบลูทูธพกพาขนาดเล็กเท่าฝ่ามือตัวเครื่องผลิตจากวัสดุอะลูมินัม ทำให้มีความทนทาน และให้เสียงชัดกระจ่างใสโดยมาพร้อมแบตเตอรีสำหรับเล่นเพลงได้ต่อเนื่อง 10 ชั่วโมงต่อรอบการชาร์จ มีให้เลือก 3 สี ในราคา 7,890 บาท
ส่วนในอนาคตจะมีการนำหูฟังแบบครอบหูอย่าง Beoplay H4, H7, H8 และ H9 หูฟัง In-ear แบบมีสายรุ่น Beoplay H3 H3ANC หูฟัง In-ear แบบบลูทูธ สำหรับออกกำลังกายยอดนิยมอย่าง Beoplay H5 หรือลำโพงไร้สาย Beoplay A2 Active เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง
“อาร์ทีบีวางงบในการทำตลาดไว้ราว 10 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะใช้ไปกับการปรับหน้าร้านตามช่องทางจำหน่ายเดิมที่มีอยู่เพื่อให้เข้ากับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะวางจำหน่ายโดยยังคงเน้นตามร้านที่จำหน่ายอุปกรณ์เสริมไฮเอนด์เป็นหลัก”