xs
xsm
sm
md
lg

“โนเกีย” มองอนาคต IoT ไทยสดใส แต่ต้องระวังด้านซิเคียวริตี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โนเกีย มองโอกาสตลาด IoT ในประเทศไทยเติบโตมากขึ้น หลังโครงสร้างพื้นฐานถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้ร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์ติดตั้งเทคโนโลยี 4.9G ให้รองรับการส่งผ่านข้อมูลสูงถึง 3 Gbps เพื่อเป็นพื้นฐานสู่การพัฒนา IoT ระบบบ้านอัจฉริยะ ภายใต้การรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย

นายเซบาสเตียน โลรองท์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย โนเกีย กล่าวว่า หลังจากการเข้าซื้อกิจการอัลคาเทล ลูเซ่น ทำให้ในช่วงปีที่ผ่านมา โนเกียมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จาก 1.25 หมื่นล้านยูโรในปี 2558 เป็น 2.36 หมื่นล้านยูโรในปี 2559 และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในปีนี้

โดยในไตรมาส 1 ของปีนี้ โนเกียกลับขึ้นมาเป็นผู้นำในการให้บริการโครงข่าย 4G ทั่วโลก พร้อมไปกับการเปิดตัวเทคโนโลยี 5G ภายในงานโมบายเวิลด์คองเกรส เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมกับการแนะนำแพลตฟอร์มของเทคโนโลยี IoT เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเทรนด์สำคัญที่จะเกิดขึ้นในปีนี้หลักๆ แล้วจะมีด้วยกัน 6 เทรนด์ คือ 1.การสื่อสารไร้พรมแดน ที่ทำงานร่วมกันผ่านเน็ตเวิร์ก คอมพิวต์ และสตอเรจ ที่จะคอยเก็บข้อมูลต่างๆ และนำมาวิเคราะห์ ถัดมาคือ 2.IoT จากข้อมูลของการ์ดเนอร์ที่ระบุว่า ในปี 2020 จะมีอุปกรณ์เชื่อมต่อทั่วโลกถึงราว 2 หมื่นล้านชิ้น

3.AI หรือปัญญาประดิษฐ์ จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจ และทำงานแบบอัตโนมัติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 4.AR ที่จะเพิ่มอินเตอร์เฟสในการปฏิสัมพันธ์กับเครื่องจักร 5.ระบบเศรษฐกิจแบบแบ่งปันจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และ 6.การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่ยุคดิจิตอลที่เข้าสู่หลายธุรกิจมากขึ้น

ขณะเดียวกัน โนเกียยังมองถึงโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาอุปกรณ์ IoT หรือนำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยว่า อยู่ในช่วงเริ่มต้นที่ดี เพราะโครงสร้างพื้นฐานทางการเชื่อมต่ออย่าง 3G/4G รวมถึงไฟเบอร์อินเทอร์เน็ต เริ่มครอบคลุมมากขึ้น

หนึ่งในธุรกิจที่น่าสนใจ คือ ระบบบ้านอัจฉริยะสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากภายในปี 2040 ประชากรไทยกว่า 25% จะมีอายุเกิน 65 ปี ทำให้ไทยกลายเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น การที่มีบ้านอัจฉริยะเข้ามาจะช่วยทั้งการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัย

อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งที่สำคัญในยุคของ IoT คือ เรื่องของระบบซิเคียวริตีที่ไม่ใช่แค่ในฝั่งของผู้ใช้ที่ต้องระมัดระวัง แต่ต้องเป็นในระดับผู้ให้บริการที่ต้องมีการลงทุนระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อตรวจจับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีการส่งต่อข้อมูลผิดปกติ เพื่อดักจับ และป้องกันไม่ให้เกิดภัยคุกคาม

โดยโนเกียพร้อมนำเสนอ NetGuard Endpoint Security (NES) ที่ให้การปกป้องอุปกรณ์ โทรศัพท์พื้นฐาน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์ IoT โดยใช้โซลูชันป้องกันมัลแวร์บนเครือข่าย และด้วย NES ผู้ให้บริการเครือข่ายจะสามารถตรวจจับมัลแวร์เพื่อลดผลกระทบต่อการใช้งานของผู้ใช้บริการ และสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการได้

“หลังจากที่รวมกับอัลคาเทล ลูเซ่น แล้ว ทำให้โนเกีย มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในส่วนของโครงข่ายเพียงอย่างเดียว ทำให้การนำเสนอโซลูชัน และบริการต่างๆ ครอบคลุมมากขึ้น และมีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นเช่นเดียวกัน”
กำลังโหลดความคิดเห็น