กสทช.เห็นชอบออกเน็ตเวิร์ก โค้ด ด้านกระจายเสียงให้ อสมท ให้บริการทีวีแบบบอกรับสมาชิกบนคลื่นความถี่ 2600 MHz จำนวน 20 MHz ด้วยเทคโนโลยีแบบบรอดแบนด์ไร้สาย หรือ Broadband Wireless Access (BWA) ส่วนคลื่นที่เหลือค่อยคืนมาให้ กสทช.จัดประมูลหลัง กม. กสทช.ฉบับใหม่บังคับใช้ เพื่อให้มีอำนาจในการชดเชยค่าคลื่น ขณะเดียวกัน ยังได้ประกาศแผน USO ลดค่าธรรมเนียม 5 ปี จาก 3.75% เหลือ 2.5% ของรายได้
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการ กสทช.ว่า ที่ประชุมมีมติออกเน็ตเวิร์กโค้ดทางด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ให้ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) นำคลื่นความถี่ 2600 MHz จำนวน 20 MHz จากที่มีทั้งหมด จำนวน 120 MHz เพื่อเปิดให้บริการโทรทัศน์บนเทคโนโลยีแบบบรอดแบนด์ไร้สาย หรือ Broadband Wireless Access (BWA) หรือทีวีแบบบอกรับสมาชิก ตามที่ อสมท ส่งหนังสือขอมา เนื่องจากใช้เทคโนโลยีแอลทีอี ซึ่งต้องใช้เน็ตเวิร์กโค้ดในการสื่อสาร หลังจากที่ผ่านมา เรื่องนี้ไม่มีบอร์ดไหนพิจารณาไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จนทำให้สำนักงานต้องนำเข้าบอร์ด กสทช. เนื่องจากเลขาธิการอาจมีความผิดตามกฎหมายในการทำงานล่าช้า เนื่องจากเรื่องนี้ล่าช้ามากว่า 5 เดือนแล้ว
ส่วนระยะเวลาการใช้คลื่นนั้น ให้เป็นไปตามแผนแม่บทกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ กำหนดไว้ ซึ่งต้องขอกลับไปดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่า ต้องเริ่มนับตั้งแต่ปีไหนถึงปีไหน ส่วนคลื่นที่เหลือ อสมท เคยแจ้งว่า จะคืนคลื่นมาให้ กสทช.ประมูลใช้ทางด้านโทรคมนาคม ซึ่ง กสทช.อยู่ระหว่างการรอกฎหมาย กสทช.ฉบับใหม่บังคับใช้ก่อน เพื่อจะได้มีอำนาจในการชดเชยค่าคลื่นความถี่ที่คืนมาให้ อสมท
***ลดค่าธรรมเนียม USO
นายฐากร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ บอร์ดยังมีมติเห็นชอบแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (พ.ศ. 2560-2564) หรือแผน USO ภายใต้กรอบวงเงิน 45,456.63 ล้านบาท พร้อมกันนี้ ได้ลดค่าธรรมเนียม USO จากเดิมเก็บ 3.75% ให้เหลือ 2.5% ของรายได้ต่อปี ทั้งนี้ ให้การดำเนินการจัดเก็บทำได้ทันทีหลังวันที่ 31 พ.ค.2560 เป็นต้นไป ซึ่งแม้ว่าจะเป็นการลดค่าธรรมเนียม แต่ยังสามารถจัดเก็บรายได้มากกว่าเดิม เพราะเทคโนโลยีเปลี่ยนไปมาก การเติบโตของอุตสาหกรรมมีมากขึ้น และผู้บริโภคเองก็จะใช้บริการในราคาถูกลง
สำหรับเงินดังกล่าวจะใช้ในการขยายโครงข่าย และบริการโทรคมนาคม เพื่อให้ประชากรไม่น้อยกว่า 98% ของประเทศสามารถเข้าถึงสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 661.13 ล้านบาท, สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทุกหมู่บ้าน จำนวน 8,274.85 ล้านบาท, จัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วไม่ต่ำกว่า 30/10 Mbps เข้าถึงโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และหน่วยงานรัฐที่ขาดแคลนบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง จำนวน 11,045.34 ล้านบาท, จัดให้มีศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะประจำโรงเรียน ชุมชน และหน่วยงานที่ให้บริการแก่กลุ่มเป้าหมายทางสังคม
รวมทั้งยกระดับการให้บริการให้มีมาตรฐานความเร็วไม่ต่ำกว่า 30/10 Mbps จำนวน 12,669.69 ล้านบาท, พัฒนาระบบโทรคมนาคมเฉพาะทางเพื่อคนพิการ จำนวน 1,000 ล้านบาท, สนับสนุนการดำเนินงานเลขหมายพิเศษเพื่อประโยชน์สาธารณะ 10,385.62 ล้านบาท, พัฒนาและสร้างทักษะการใช้งาน ICT และการใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต 1,120 ล้านบาท และส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่ออินเทอร์เน็ตแก่นักเรียน และเยาวชน 300 ล้านบาท
***นิวทีวี ขอจ่าย 23 มิ.ย.
ส่วนความคืบหน้าการชำระค่าประมูลทีวีดิจิตอล งวดที่ 4 พบว่า มีเพียง บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสท์ จำกัด หรือ ช่อง New TV ช่องเดียวที่ยังไม่มาชำระ แต่ได้ประสานมายังสำนักงาน กสทช.แล้วว่า จะนำมาชำระในวันที่ 23 มิ.ย. โดยยอมเสียค่าปรับล่าช้า ทำให้ กสทช.ได้รับเงินค่าประมูลมาแล้ว จำนวน 5,306,130,000 บาท หากรวม ช่อง New TV แล้วจะทำให้มีเงินส่งเข้ารัฐทั้งสิ้น 5,434,530,000 บาท