ซันดาร์ พิชัย (Sundar Pichai) ซีอีโอกูเกิล ประกาศเปิดเวทีงานประชุม Google IO 2017 ด้วยการโชว์ตัวเลขว่า ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล ถูกใช้งานบนอุปกรณ์มากกว่า 2 พันล้านเครื่องทุกวัน โดยงานปีนี้กูเกิล หยิบกองทัพเทคโนโลยีใหม่ด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI มาเรียกความสนใจจากนักพัฒนาทั่วโลก
นอกจากนี้ ซีอีโอกูเกิล ยังเปิดตัวบริการใหม่ชื่อ “กูเกิลเลนส์” (Google Lens) ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของบริการผู้ช่วยส่วนตัว Google Assistant สำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android โดย Lens สามารถวิเคราะห์วัตถุรอบตัวผู้ใช้ ทำให้สามารถประยุกต์บริการได้หลากหลายน่าสนใจ
เวทีนี้ ซีอีโอพิชัย ย้ำว่า การพัฒนาระบบ AI ของบริษัทนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับโลกได้ในวงกว้าง เช่น การนำระบบ machine learning และ AI มาใช้ในอุตสาหกรรมยา และการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ เพื่อการวิเคราะห์โมเลกุล และการแก้ปัญหาที่มีความซับซ้อน ทั้งหมดนี้ทำให้บริษัทเปิดตัวเว็บไซต์ google.ai เพื่อรวบรวมให้ผู้สนใจสามารถติดตามเรื่องราวการพัฒนา AI ของกูเกิลได้อย่างครบถ้วน
ผู้ช่วย Google Assistant ครบเครื่องยิ่งขึ้น
สก็อต ฮัฟแมน (Scott Huffman) รับหน้าที่ประกาศว่า Google Assistant จะมีความสามารถมากขึ้นกว่าเดิม ที่ผู้ใช้สามารถเอ่ย หรือพิมพ์คำถามเข้าสู่ระบบ ผลจากการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ชื่อ “Lens” จะทำให้ผู้ใช้สามารถสแกน หรือถ่ายภาพสิ่งที่ต้องการรู้ เพื่อให้ Google Assistant ช่วยบอกข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้บริหารกูเกิล ยกตัวอย่างว่า หากผู้ใช้เดินผ่านสถานที่จัดคอนเสิร์ต แล้วต้องการรู้ว่า กำลังมีคอนเสิร์ตใคร สามารถถ่ายภาพสถานที่นั้น เพื่อให้ Google Assistant ส่งเพลงของศิลปินที่มีคิวเปิดคอนเสิร์ตให้ทดลองฟัง ซึ่งผู้ใช้สามารถเอ่ยปากซื้อตั๋วคอนเสิร์ตได้ทันใจ
อีกข่าวใหญ่ของ Google Assistant คือ การเปิดกว้างให้ Google Assistant นำไปใช้บนอุปกรณ์ระบบการใดก็ได้ แปลว่า Google Assistant กำลังจะแจ้งเกิดใน iPhone จุดนี้ กูเกิลขยายการสนับสนุนให้หน่วยงานอื่นนำ Google Assistant ไปพัฒนาได้เสรียิ่งขึ้นจากเดิมที่ third-parties สามารถสร้างหน้าที่ หรือ action ให้กับสินค้ากลุ่มลำโพงอัจฉริยะ “กูเกิลโฮม” (Google Home) เท่านั้น
Google Assistant รองรับภาษาเพิ่มเติมอีก 5 ภาษา ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี โปรตุเกส บราซิล และญี่ปุ่น สำหรับภาษาอิตาลี สเปน และเกาหลี จะถูกเพิ่มภายในปีนี้
Google Home ฉลาดกว่าเดิม
Google Home เป็นสินค้ากลุ่มลำโพงออนไลน์ที่ผู้ใช้สามารถคุยโต้ตอบกับระบบได้โดยไม่ต้องพิมพ์หรือใช้หน้าจอ งานนี้กูเกิล ประกาศว่า ได้เพิ่มความสามารถให้ระบบ Assistant ใน Home ให้สามารถแจ้งเตือนงานได้หลากหลายมากขึ้น เช่น เมื่อผู้ใช้พูดว่า “what's up” ระบบจะสามารถส่งคำแจ้งเตือนหรือ notification โดยอิงจากตารางงานได้
อีกข่าวใหญ่ของ Google Home ที่เรียกความสนใจได้มาก คือ Google Home จะเปิดให้ผู้ใช้สามารถโทรถึงใครก้ได้ในสหรัฐอเมริกา และแคนาดาได้ฟรี จุดเด่นนี้ฆ่าคู่แข่งจากแอมะซอน (Amazon) อย่างเอคโค (Echo) ที่สามารถโทรได้ระหว่าง Echos หรืออุปกรณ์ที่ใช้แอปพลิเคชัน Alexa เท่านั้น
นอกจากนี้ กูเกิลยังเพิ่มความสามารถให้บริการเก็บภาพออนไลน์ “กูเกิลโฟโตส์” (Google Photos) ล่าสุด Google Photos สามารถแนะนำภาพที่ผู้ใช้อาจอยากแชร์ให้เพื่อน โดยใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ใบหน้า และข้อมูลอื่นเพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกภาพที่ดีที่สุด ขณะเดียวกัน Google Photos ยังมีคุณสมบัติใหม่ที่ทำให้การพิมพ์ภาพในคลังทำได้สะดวกขึ้น
สำหรับยูทูป (YouTube) กูเกิลอัปเดตระบบแชต Super Chat ในส่วนแสดงความเห็นให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบได้ดีกว่าเดิมในกรณีวิดีโอถ่ายทอดสด
Android ใหม่มาแล้ว
กูเกิลไม่ลืมที่จะเปิดตัวแอนดรอยด์โอ (Android O) เวอร์ชันใหม่ที่จะเปิดตัวไตรมาส 3 ปีนี้ แม้จะไม่ใช่การอัปเดตแบบยกแผง แต่ก็มีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ที่โดดเด่น เช่น การเปิดให้ระบบเล่นวิดีโอซ้อนบนหน้าต่างอื่น (picture-in-picture video) ทำให้ทุกคนสามารถชมวิดีโอ หรือทำวิดีโอแชตไปขณะทำงานอื่นบนสมาร์ทโฟน
อีกจุดที่น่าสนใจ คือ การเพิ่มให้ Android เวอร์ชันใหม่มีคุณสมบัติ auto-fill แบบใหม่ ทำให้ระบบรู้รหัสผ่าน และลงชื่อใช้งานแอปพลิเคชันได้ในคลิกเดียว ขณะเดียวกัน ก็มีคุณสมบัติคัดลอกแล้ววาง หรือ copy/paste แบบใหม่ที่สามารถพยากรณ์ หรือคาดเดาได้อัตโนมัติว่า ข้อความใดที่ผู้ใช้อาจต้องการคัดลอก เช่น ข้อมูลที่อยู่ หรือข้อความอื่นที่ระบบ machine learning พบว่า ผู้ใช้มักคัดลอกบ่อยครั้ง
ในภาพรวม Android O ถูกการันตีว่า ได้พัฒนาให้จัดการพลังงานได้ดีขึ้น ทำให้สามารถยืดเวลาอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องได้ (แม้ผู้ใช้หลายคนจะไม่รู้สึก) กำหนดการเปิดให้ทดสอบ Android O เบต้าเวอร์ชัน คือ วันพุธที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา บนสมาร์ทโฟน Google Pixel
ลุย VR ควบ AR
Virtual reality และ Augmented reality ต่างเป็นตลาดที่กูเกิล จะบุกหนักในปีนี้ โดยกูเกิล ระบุว่า อุปกรณ์สวมศีรษะ “เดย์ดรีม วีอาร์” (Daydream VR) สามารถทำงานได้เอง โดยไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนแล้ว จุดนี้เอชทีซี (HTC) และเลอโนโว (Lenovo) จะเป็น 2 บริษัทแรกที่ลุยผลิต Daydream VR รุ่นไม่ต้องใช้สมาร์ทโฟน เพื่อเปิดตลาดอย่างเป็นทางการในปลายปี
สำหรับ Augmented reality กูเกิล ประกาศนำคุณสมบัติแทงโก (Tango) มาขยายให้รองรับสมาร์ทโฟน Android หลายรุ่นมากขึ้นในปีนี้ ผล คือ สมาร์ทโฟนที่มี Tango สามารถฉายแผนที่เสมือนทับภาพถ่ายสถานที่นั้น เมื่อผู้ใช้หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาส่องแล้วหมุนไปมา ถือเป็นอีกตัวอย่างที่สะท้อนว่า คุณสมบัตินี้อาจมีประโยชน์ในร้านซูเปอร์มาร์เกตที่คนแน่นขนัด ทำให้ผู้ใช้สามารถเดินหาสินค้าที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง
สรุปแล้วแม้ทุกความเคลื่อนไหวจะไม่ใช่ข่าวใหญ่ที่เกินความคาดหมาย แต่สิ่งที่ชัดเจน คือ ความสำคัญของ AI และ machine learning ยืนยันว่า ทั้งคู่จะเป็นแพลตฟอร์มใหญ่ถัดไปของกูเกิลแน่นอน