xs
xsm
sm
md
lg

เฟซบุ๊กเตรียมผลิตรายการเอง พร้อมโชว์ตัวเลขรายได้สูงสุดจากเอเชียแปซิฟิก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ภาพจาก AP
สื่อตะวันตกอย่างบิสซิเนส อินไซเดอร์ (Business Insider) ออกมาเผยแผนของเฟซบุ๊ก (Facebook) โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ว่า อาจมีการประกาศเปิดตัวรายการใหม่ที่สร้างขึ้นเองราว 24 รายการในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งจะทำให้เฟซบุ๊ก กลายเป็นแพลตฟอร์มที่มีคอนเทนต์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟของตนเองเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้งานที่มีอยู่เกือบสองพันล้านคน

โดยรายการที่จะเผยแพร่ผ่านทางเฟซบุ๊กนั้น คาดว่าจะแบ่งเป็นสองประเภท ได้แก่ รายการประเภทที่ใช้ต้นทุนสูง รวมถึงใช้เวลานำเสนอค่อนข้างนาน ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับรายการทีวีที่ฉายทั่วไป กับรายการอีกประเภทที่ใช้ทุนต่ำกว่า ความยาวประมาณ 5-10 นาที และจะมีการรีเฟรซทุกๆ 24 ชั่วโมง

ซึ่งหากเป็นจริงตามคำกล่าวอ้างก็หมายความว่า เฟซบุ๊กจะกลายเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์แบบพรีเมียมบนแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเกือบสองพันล้านคน

ทั้งนี้ ความพยายามในการผลิตคอนเทนต์ของตัวเองนั้น อาจกล่าวได้ว่า เป็นความพยายามของริกกี้ แวน วีน (Ricky Van Veen) ผู้ร่วมก่อตั้ง CollegeHumor ที่เฟซบุ๊กดึงตัวมาช่วยงานในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์งานครีเอทีฟ โดยทีมของริกกี้นั้น ได้มีการประชุมกับบริษัทด้านโปรดักชันหลายแห่งเพื่อคัดเลือกผลงานที่จะนำมาฉายผ่านทางหมวดคอนเทนต์ “วิดีโอ” ของเฟซบุ๊ก โดยหนึ่งในรายการที่ได้รับไฟเขียวจากเฟซบุ๊กแล้วตามการเปิดเผยของแหล่งข่าว คือ รายการของ Conde Nast Entertainment เกี่ยวกับการเดตผ่านเวอร์ชวลเรียลิตี้ ที่ผู้ร่วมรายการจะได้ไปเดตกันในโลกเสมือนจริง ก่อนที่จะได้พบกันในโลกแห่งความเป็นจริง

ซึ่งทางตัวแทนของ Conde Nast ก็ได้ยืนยันแล้วว่า มีโปรเจกต์กับเฟซบุ๊กอยู่จริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

นอกจากนี้ Business Insider ยังเผยด้วยว่า เฟซบุ๊กมีการทาบทามเซเลบระดับ A-List เพื่อมาเข้าร่วมในรายการบางรายการด้วย โดยมีเอเจนซี่ผู้ติดต่อดาราระดับ A-List ของฮอลลีวู้ดรายหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการให้

โดยในคอนเทนต์ที่เฟซบุ๊ก ให้ความสนใจจะผลิตเกือบสองโหลนั้น ก็ไม่ลืมที่จะมีคอนเทนต์สำหรับกลุ่มวัยรุ่นอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งแหล่งข่าวของ Business Insider ระบุว่า เป็นผลมาจากการที่เฟซบุ๊กกับสแนปแชท (Snapchat) เข้าสู่โหมดการแข่งขันเพื่อแย่งชิงผู้ใช้งานกันอย่างเป็นทางการแล้วนั่นเอง จึงทำให้เฟซบุ๊กต้องให้ความสำคัญกับคอนเทนต์สำหรับวัยรุ่นเพื่อดึงดูดเด็กๆ เหล่านั้น ให้เข้าใช้งานแพลตฟอร์มของตนเองให้ได้

อีกหนึ่งคอนเทนต์ที่เฟซบุ๊กสนใจก็คือ กีฬา โดยซีอีโออย่างมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เคยกล่าวไว้ว่า กีฬาเป็นอีกหนึ่งประเภทของคอนเทนต์ที่เฟซบุ๊กต้องการจะลงมาเล่น

ทั้งนี้ การเปิดตัวรายการต่างๆ ของเฟซบุ๊กนั้น เคยมีแผนจะเปิดตัวในงานสัมมนานักพัฒนา F8 เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ได้ตัดสินใจเลื่อนออกมาเป็นกลางเดือนมิถุนายนแทน เพราะเป็นเวลาเดียวกับงานเทศกาลโฆษณา Cannes Lion ที่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 17 มิถุนาย นั่นเอง

การพัฒนารายการต่างๆ เองยังทำให้เฟซบุ๊กเป็นคู่แข่งโดยตรงกับยูทูป (YouTube) ซึ่งคอนเทนต์ต่างๆ เหล่านี้จะทำรายได้จากโฆษณาที่แทรกระหว่างการรับชม อย่างไรก็ตาม โรเบิร์ต ไคนซล์ หัวหน้าฝ่ายธุรกิจของยูทูป ได้เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อห้าปีที่ผ่านมา คอนเทนต์ 85 เปอร์เซ็นต์นั้น เป็นคอนเทนต์แบบที่มีโฆษณาสนับสนุน แต่ปัจจุบัน ตัวเลขเหล่านี้ได้ลดลงอย่างมากเหลือเพียง 2 ใน 3 เท่านั้น เนื่องจากคอนเทนต์หลายๆ รายการได้ถูกเปลี่ยนไปแสดงผลในโหมดที่ต้องการมีการจ่ายค่าบริการรายเดือนแทน เพราะผู้บริโภคไม่ต้องการชมโฆษณาคั่นนั่นเอง

อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊กก็มองเทรนด์ดังกล่าวนี้ไว้ไม่ต่างกัน และต้องการก้าวข้ามโมเดลในการแบ่งรายได้กับผู้ผลิตนี้ด้วย เพียงแต่ว่าในช่วงต้นของรายการนั้น เฟซบุ๊กยังต้องทำรายได้ผ่านการมีโฆษณาแทรกในคอนเทนต์ของตนเองก่อน และมีบางรายการที่เฟซบุ๊กซื้อสิทธิในการฉายมาเลย และหวังว่าจะใช้โฆษณาแทรกนี้มาสร้างรายได้กลบต้นทุนของการซื้อรายการด้วย
เอเชียแปซิฟิก เป็นพื้นที่ที่ Facebook โกยรายได้ไปมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น
ผู้ใช้ใกล้ 2 พันล้านราย

ด้านผลประกอบการนั้น ก็เป็นไปตามคาด เมื่อเดวิด เวห์เนอร์ (David Wehner) ประธานฝ่ายการเงิน เฟซบุ๊ก ประกาศตัวเลขผลประกอบการบริษัทไตรมาส 1 ปีนี้ว่า บริษัทมีรายรับรวม 8.03 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 49% จากปีที่แล้ว บนตัวเลขผู้ใช้บริการประจำ 1.94 พันล้านราย

ตัวเลขผู้ใช้ที่เข้าใกล้หลัก 2 พันล้านรายเข้าไปทุกทีนั้น คิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้น 76 ล้านคนจากไตรมาสที่แล้ว ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เฟซบุ๊กโกยรายได้ไปมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น

หากมองในมุมผู้ใช้ประจำวัน เฟซบุ๊กระบุว่า มีผู้ใช้ประจำโดยเฉลี่ย 1.28 พันล้านคนต่อวัน ทั้งหมดนี้ส่งให้กำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นเกิน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ คำนวณเป็นอัตราเติบโต 76% โดยรายได้ส่วนใหญ่ของเฟซบุ๊กยังคงมาจากการโฆษณาผ่านโทรศัพท์มือถือ ซึ่งครองสัดส่วน 85% ของรายได้จากธุรกิจโฆษณาทั้งหมดของเฟซบุ๊ก
กำลังโหลดความคิดเห็น