xs
xsm
sm
md
lg

“ฟิตบิท” เร่งให้ข้อมูลกลุ่มผู้ใช้เสี่ยงภัยอ้วน ชี้สุขภาพดีต้องนอนให้เหมาะสม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ฟิตบิท เชื่อโอกาสเติบโตในกลุ่มอุปกรณ์ฟิตเนสแทร็กเกอร์ยังมีอีกมาก ทั้งในกลุ่มของผู้รักสุขภาพที่จะเป็นกลุ่มสำคัญ เนื่องจากการเดิน การนอน และอัตราการเต้นของหัวใจ จะเป็นข้อมูลที่ช่วยบอกสุขภาพของผู้ใช้ และควบคุมไม่ให้เกิดการเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะโรคอ้วนที่คนไทยเป็นถึง 32%

หลุยส์ ลายย์ ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิตบิท กล่าวว่า การที่ฟิตบิทมองประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญที่มีอัตราการเติบโตของกลุ่มผู้ใช้งานฟิตเนสแทร็กเกอร์ หรือสายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้น มีปัจจัยหลักมาจากการที่คนไทยเป็นโรคอ้วน หรือมีมวลร่างกายเกินค่ามาตรฐานถึง 32% ของจำนวนประชากร

“จากประเภทของอาหารที่ทานเข้าไป และไม่ได้มีการออกกำลัง หรือพักผ่อนอย่างเพียงพอ กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้คนไทยเป็นโรคอ้วน หรือโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งค่ารักษาโรคเหล่านี้ยิ่งวันยิ่งมีราคาแพงขึ้น”

ดังนั้น สิ่งที่ฟิตบิท จะเร่งทำ คือ การเร่งให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลตัวเอง ดูแลสุขภาพ ด้วยการนำเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการวัดก้าว วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ตรวจจับการนอน เพื่อให้คำแนะนำที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้

“การที่กลุ่มลูกค้าหลักของฟิตบิท คือ กลุ่มคนที่รักสุขภาพ ซึ่งเชื่อว่าคนทุกคนรักสุขภาพกันทั้งสิ้น ทำให้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์นอกจากในแง่ของความแม่นยำ คุณภาพ และประสิทธิภาพแล้ว ก็ยังต้องมีความเป็นแฟชันเข้ามาช่วยเสริม เพื่อให้สินค้าได้รับการตอบรับในวงกว้างมากขึ้น”

สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ฟิตบิท จะเน้นในปีนี้ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ การนำดิจิตอลมาร์เกตติ้งมาใช้ในการสื่อสารไปยังกลุ่มผู้บริโภคในโลกออนไลน์ ถัดมา คือ การเข้าไปลงทุนหน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นความสามารถของผลิตภัณฑ์ และการลงทุนในสื่อโฆษณานอกบ้าน

ขณะที่ในแง่ของช่องทางจำหน่าย ฟิตบิทเริ่มวางจำหน่ายในไทยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มีหน้าร้านจำหน่าย 54 ร้าน เพิ่มเป็น 228 ร้านในปัจจุบัน และคาดว่าจะเป็น 300 ร้านค้าในสิ้นปีนี้ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตในระดับ 2 เท่าตัวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

“การขยายช่องทางจำหน่ายของฟิตบิท ไม่ได้เน้นที่ช่องทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นหลักอีกต่อไป แต่เข้าไปในกลุ่มร้านขายนาฬิกา ธุรกิจค้าปลีก รวมถึงร้านจำหน่ายที่นอน ที่ต้องการนำอุปกรณ์ไปวัดว่า เมื่อเปลี่ยนที่นอนแล้ว ทำให้หลับสนิทได้มากขึ้น”

นอกจากนี้ ฟิตบิทยังเดินหน้าในการหาพันธมิตรเพื่อนำอุปกรณ์เข้าไปใช้ส่งเสริมสุขภาพให้แก่พนักงานในองค์กร หรือการนำไปใช้ในการรักษาโรคของโรงพยาบาลเพิ่มเติม จากที่ในปีที่ผ่านมา เริ่มมีความร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตในการนำไปใช้เพื่อเป็นหนึ่งในตัวแปรวัดสุขภาพของผู้ทำประกันชีวิต

ล่าสุด ฟิตบิทได้มีการเปิดตัว Fitbit Alta HR ที่เป็นนาฬิกาวัดสุขภาพที่มาพร้อมกับเครื่องวัดอัตราการเต้นหัวใจที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก พร้อมระบบวัดการนอนแบบใหม่ ที่จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการนอนให้เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบัน คนไทยนอนหลับเฉลี่ย 6.3 ชั่วโมง จากที่ควรจะนอน 7.7 ชั่วโมง

ทั้งนี้ การนอนหลับมีทั้งหมด 4 ช่วง ประกอบด้วย ช่วงตื่น ที่เป็นช่วงปกติที่เกิดขึ้นระหว่างการนอน ช่วงหลับตื้น เป็นช่วงสำคัญสำหรับความจำ การเรียนรู้ ทำให้ร่างกายฟื้นฟูจากการทำงานราว 50-60% ช่วงหลับลึก ที่จะเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ความแข็งแรง และการซ่อมแซมกล้ามเนื้อ 10-25% และ ช่วงหลับฝัน (REM) ถือเป็นช่วงที่มีการฟื้นฟูร่างกาย และความทรงจำ คิดเป็นระยะราว 20-25%

“วงจรในการนอนหลับแต่ละรอบจะสลับกันไปมาระหว่าง ช่วงตื่น ช่วงหลับตื้น ช่วงหลับลึก และช่วงหลับฝัน ที่จะใช้ระยะเวลาต่อรอบราว 60-90 นาที ซึ่งถ้าตื่นในช่วงเวลาหลับลึก เวลาตื่นจะไม่สดชื่น เท่าช่วงเวลาอื่น”

นายแพทย์สมบูรณ์ รุ่งพรชัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การกีฬาเพื่อสุขภาพ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ให้ข้อมูลเสริมว่า คนวัยต่ำกว่า 35 ปี การนอนหลับไม่เพียงพอ อาจจะไม่ส่งผลกระทบมากนัก แต่เมื่อมีการออกกำลังกาย เกิดกล้ามเนื้อบาดเจ็บ ต้องการลดไขมัน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงเวลานอน ถ้าออกกำลัง และนอนหลับเหมาะสมจะเกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด แต่ถ้าอายุเกิน 35 ปี ขึ้นไป เรื่องการนอนไม่ใช่ในแง่ของการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว เพราะการนอนน้อยจะลดฮอร์โมน ทำให้เกิดอาการเพลีย ร่างกายไม่สดชื่น เจอกับความเสื่อมโทรม และความแก่โดยไม่จำเป็น ถ้าเป็นคนที่นอนเหมาะสมจะทำให้ร่างกายแก่ตัวช้าลง

สำหรับ Fitbit Alta วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 สีมาตรฐาน คือ ดำ ส้ม น้ำเงิน ม่วง ในราคา 7,490 บาท มีสีพิเศษ ดำเมทัล และโรสโกลด์ ในราคา 7,990 บาท และยังมีสายหนังขายแยกที่ 2,190 บาท ประกอบด้วยสี น้ำตาล อินดีโก และลาเวนเดอร์

กำลังโหลดความคิดเห็น