อูเบอร์ ยอมรับการให้บริการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่สร้างกำไร โดยระบุว่า ยังอยู่ในช่วงของการลงทุนเพื่อก่อให้เกิดรายได้ในระยะยาว ส่วนประเด็นแง่ของข้อกฎหมาย ยังอยู่ระหว่างช่วงหามาตรการ 6 เดือน ที่กรมขนส่งกำหนดไว้
นางสาวศิริภา จึงสวัสดิ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย อูเบอร์ กล่าวหลังจากเข้ามารับตำแหน่งในช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า ภารกิจสำคัญในช่วงแรกที่เข้ามา คือ เข้ามาดูในส่วนของพนักงานร่วมขับให้รู้ว่า อูเบอร์อยู่เคียงข้างตลอดเวลา ส่วนในฝั่งของผู้ร่วมนั่งก็จะมีการเข้าไปดูประสบการณ์ของผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น
“อูเบอร์ประเทศไทย มีการตั้งทีมงานเข้าไปตรวจสอบการใช้งานของผู้ใช้ในแง่ของเส้นทางในการใช้งาน ตั้งแต่การเรียกรถร่วมเดินทาง ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น และจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม อูเบอร์ ยอมรับว่า ขณะนี้บริษัทยังอยู่ในช่วงของการลงทุน ไม่ว่าจะในแง่ของการนำเทคโนโลยีเข้ามาให้บริการที่หลากหลาย เร่งให้คนทำความเข้าใจว่า บริการร่วมเดินทาง (Ride Sharing) แตกต่างจากขนส่งรูปแบบอื่นที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อให้ลองใช้ และได้เข้าใจระบบนี้จริงๆ
การให้บริการอูเบอร์ในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นการลงทุนเพื่อให้บริษัทเติบโต แม้ว่าจะยังไม่สร้างกำไรให้บริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ก็เชื่อว่าในระยะยาวหลังจากดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ ก็จะสามารถทำรายได้มากขึ้นจนเกิดกำไรได้ โดยล่าสุด ส่วนแบ่งในการให้บริการระหว่างพนักงานร่วมขับกับอูเบอร์ จะอยู่ที่ 75% ต่อ 25%
สำหรับทิศทางของอูเบอร์ ประเทศไทย ในปีนี้จะเน้นไปที่นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับ LINE ในการนำ Chatbot เข้ามาช่วย ทำให้สามารถเรียกอูเบอร์ ได้จากระบบแชตภายในแพลตฟอร์ม LINE ผ่าน @UberTH นอกจากนี้ ยังใช้ในการเชื่อมจุดหมายปลายทางจากปฏิทิน ที่บันทึกตารางนัดหมายไว้ในสมาร์ทโฟน และเพิ่มฟังก์ชันการส่งข้อความในแอปพลิเคชันระหว่างผู้ร่วมนั่ง และผู้ร่วมขับ
ขณะที่ในฝั่งของผู้ร่วมขับจะมีการเพิ่มฟีเจอร์คำชมจากผู้โดยสาร เทคโนโลยีช่วยสำหรับผู้ร่วมขับที่มีปัญหาการได้ยิน การตรวจสอบใบหน้าผู้ร่วมขับเพื่อให้ผู้ร่วมขับยืนยันภาพถ่าย เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และระบบคอลเซ็นเตอร์รูปแบบใหม่ให้ติดต่อกับส่วนกลางได้รวดเร็วขึ้น
อีกส่วน คือ การสร้างทีมงาน เพราะอูเบอร์ ให้ความสำคัญกับบุคลากรมาก โดยต้องการทีมงานที่แข็งแกร่ง มีความเข้าใจกับวัฒนธรรม และพฤติกรรมของคนไทย โดยปัจจุบันมีพนักงานราว 20 คน และพร้อมที่จะขยายเพิ่มต่อเนื่อง
สุดท้าย คือ การเป็นพันธมิตรกับภาครัฐ และเอกชน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจผ่านองค์กรต่างๆ ในฐานะที่เป็นบริษัทเทคโนโลยี สามารถทำอะไรกลับคืนสังคม รวมถึงหาทางสร้างความถูกต้องในการให้บริการในประเทศไทย
ความคืบหน้าล่าสุด หลังจากที่เข้าไปพูดคุยกับกรมการขนส่งทางบก ก็อยู่ในระหว่างการหามาตรการรองรับที่เหมาะสมในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ที่จะมีการตั้งคณะกรรมการอิสระจากหน่วยงานกลางที่เป็นที่ยอมรับจากทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนำข้อเสนอจากทั้ง 2 ฝั่งมาพูดคุยให้เกิดการยอมรับ
ปัจจุบัน การให้บริการอูเบอร์ในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ได้รับการยอมรับจากภาครัฐแล้ว ด้วยการออกรูปแบบการให้บริการร่วมเดินทางโดยเฉพาะ ซึ่งในบางประเทศก็เปิดให้มีการขอไลเซนส์สำหรับบริการร่วมเดินทางโดยเฉพาะ