MFEC ปรับแนวทางธุรกิจเน้นร่วมลงทุน ผุดโมเดลลงทุนไอทีแบ่งส่วนแบ่งรายได้กับลูกค้าเดิม หวังช่วยให้บริษัทเติบโต ล่าสุดลุยคอร์ปอเรท เวนเจอร์ แคปปิตอล แก่พนักงานที่นำเสนอไอเดียน่าสนใจ ด้วยการเข้าไปร่วมลงทุนในการแตกบริษัทออกมาทำธุรกิจเพิ่มเติม
นายศิริวัฒน์ วงศ์จารุกร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็ม เอฟ อี ซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFEC กล่าวว่า จากแนวโน้มของธุรกิจไอทีที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ MFEC ต้องมีการปรับตัวรับกับยุคดิจิตอล ทำให้เน้นไปที่การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆมากยิ่งขึ้น ภายใต้แนวทางธุรกิจที่ชัดเจน
โดยเมื่อมองไปในตลาดไอที MFEC พบว่า หลายๆบริษัทจะยังคงมีการลงทุนทางด้านไอทีต่อเนื่อง เพียงแต่ว่าด้วยสภาพเศรษฐกิจ และการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ทำให้งบจากหน่วยงานภาครัฐซึ่งเป็นแรงผลักดันใหญ่ที่ทำให้เกิดการลงทุนไอทีชะลอตัว ดังนั้นในการเป็นผู้ติดตั้งระบบไอทีจึงต้องปรับแนวในการทำธุรกิจใหม่ให้เหมาะสม
'ในการทำธุรกิจแบบเดิมแต่ละบริษัทจะดูว่าในแต่ละปีจะเติบโตเท่าไหร่ ซึ่งจะทำให้เรามองไม่เห็นโอกาสในการเติบโต MFEC จึงต้องนำตัวเองไปอยู่ในจุดที่ไม่รู้ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ในการสร้างวิธีใหม่ในการทำธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม'
ประกอบกับการที่มีความเชี่ยวชาญในการวางระบบเมื่อได้เข้าไปพูดคุยกับลูกค้าหลายๆรายจะมีช่องทางในการทำธุรกิจใหม่ๆ ในแนวทางของการร่วมกันลงทุน ทาง MFEC จะเข้าไปร่วมลงทุนทางด้านไอทีให้ และแบ่งสัดส่วนรายได้กันในอนาคตมากกว่า
ทั้งนี้ MFEC ยังคงวางแผนที่จะรักษาอัตราการเติบโตราว 15% อย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาธุรกิจมีกำไรทั้งหมด 221 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมา 13% ส่วนในปีนี้จากการเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตได้
กลยุทธ์ของ MFEC จะรุกไปใน 2 มิติ คือ การใช้เทคโนโลยีในการยกระดับ หรือพัฒนาธุรกิจที่เปลี่ยนไป และการพัฒนากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อทำให้องค์กรเป็นเครือข่ายในการเชื่อมโยง ในการนำประสบการณ์มาร่วมกันพัฒนาจนประสบความสำเร็จ
'MFEC จะเริ่มลงทุนในคอร์ปอเรท เวนเจอร์ แคปปิตอล เพื่อเปลี่ยนโมเดลการทำธุรกิจให้แก่พนักงาน จากที่เป็นลูกจ้างให้เป็นสตาร์ทอัปในการคิดค้นและพัฒนาสิ่งใหม่เพื่อให้สามารถดึงศักยภาพของพนักงานออกมา ถือเป็นโอกาส และความก้าวหน้าในสายอาชีพของพนักงานได้'
ในช่วงปลายปี 2559 ที่ผ่านมา MFEC ได้มีการอนุมัติลงทุนในโครงการใหม่ร่วมกับพนักงาน ในบริษัท Playtorium Solutions จำกัด ที่จะถือหุ้น 70% ของทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าราว 3.5 ล้านบาท โดยจะให้บริการทดสอบซอฟต์แวร์แบบครบวงจร และ Crowd Testing ในการจัดหาบุคลากรไอทีตามโครงการที่ลูกค้าต้องการ
นอกจากนี้ ยังได้ร่วมกับ บอย ชีวิน โกสิยพงษ์ ผู้บริหารค่ายเพลงเลิฟอีส ในการสร้างแอปพลิเคชัน Fanster ให้ผู้ที่ชื่นชอบศิลปินในค่ายสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินได้ รวมถึงประยุกต์ใช้กับกลุ่มแฟนของดารา ศิลปิน ทีมฟุตบอลต่างๆ
นายชีวิน โกสิยพงษ์ กล่าวเสริมว่า การที่มี Fanster เข้ามาจะช่วยลดงบประมาณในการโปรโมท จากเดิมที่ต้องใช้ 7-8 ล้านบาท กลายเป็นไม่ต้องใช้เงินในการลงทุนและสามารถสร้างรายได้ จากที่ผ่านมาเมื่อใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย จะไม่สามารถสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นได้ ดังนั้น จึงต้องหาช่องทางที่จะมาช่วยสร้างรายได้
'แน่นอนว่าการใช้ช่องทางดังกล่าวไม่ได้จำกัดแค่กลุ่มศิลปินในการสื่อสารไปยังแฟนเพลง แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ไปในกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่มีฐานลูกค้าให้แบรนด์ หรือธุรกิจต่างๆสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าโดยตรง'
รวมถึงการที่ MFEC ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ และโครงการ Industrial Liaison Program ในการรวมความแข็งแกร่งของ Data Science และ Big Data ในการพัฒนา นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) จากการลงทุนร่วมกันระหว่าง MFEC ธนาคารไทยพาณิชย์ และ ปตท.