บราเดอร์ สานต่อแนวทางธุรกิจ “Transform for the future” มั่นใจธุรกิจสามารถเติบโต 5% ในปีนี้ และครองสัดส่วนรายได้อันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียนต่อเนื่อง พร้อมเร่งขยายลูกค้าในกลุ่มองค์กรธุรกิจด้วยการขายพ่วงโซลูชันให้ตอบโจทย์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิตอล
โทโมยูกิ ฟูจิโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บราเดอร์ ประเทศไทย ถือเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด 38% โดยในปีที่ผ่านมา บราเดอร์เติบโตราว 5% และคาดว่าจะรักษาอัตราการเติบโตในปีนี้ได้ที่ 5% เช่นเดียวกันครอบคลุมไปถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงปีถัดไป ทั้งนี้ ปีงบประมาณของบราเดอร์ จะเริ่มในช่วงต้นเดือนเมษายน
ทั้งนี้ ในภูมิภาคอาเซียน มีการทำตลาดด้วยกันทั้งหมด 6 ประเทศ ประกอบไปด้วย ไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย ในส่วนของภูมิภาคเอเชีย 13 ประเทศ ไม่นับรวมญี่ปุ่นและจีน บราเดอร์ ประเทศไทย ก็มีส่วนแบ่งรายได้สูงสุดที่ 18% ซึ่งถือเป็นอันดับ 1 เช่นเดียวกัน
โดยบราเดอร์ ยังคงคอนเซ็ปต์ “Transform for the future” หรือการปรับเปลี่ยนเพื่อการเติบโตในอนาคตใน 3 ด้านด้วยกัน คือ การพัฒนาธุรกิจใหม่ (Business Transform) โดยเฉพาะการเพิ่มฐานลูกค้าไปในกลุ่มองค์กร และภาครัฐให้มากขึ้นจากเดิมที่ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าเอกชน
ถัดมา คือ การปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานภายในองค์กร (Operation Transform) ให้องค์กรมีประสิทธิภาพ และความยืดหยุ่นเพื่อรับการเปลี่ยนแปลง สุดท้าย คือ การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน (Talent Transform) เพื่อพัฒนาทักษะความรู้ และเกิดการปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของวิสัยทัศน์ บราเดอร์ ต้องการที่จะเป็นผู้นำในทุกๆกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำตลาด และการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ทั้งผู้ถือหุ้น พาร์ตเนอร์ ลูกค้าสิ่งแวดล้อม สังคม ภายใต้แนวทางบริหารที่ยึดมั่น คือ การอยู่เคียงข้างทุกคน
ส่วนในมุมของพันธกิจ บราเดอร์พยายามเติบโตในส่วนของยอดขายที่ต้องการสร้างความมั่นคงมีการพัฒนาในส่วนของบริการหลังการขายที่ดี มีประสิทธิภาพ และสุดท้าย ทำให้องค์กรเป็นสถานที่ที่พนักงานในประเทศไทยอยากร่วมงานด้วย
นายธีรวุธ ศุภพันธุ์ภิญโญ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บราเดอร์ ให้ข้อมูลเสริมว่า ในปีที่ผ่านมา บราเดอร์มีการเติบโตในทุกกลุ่มสินค้า โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อมราว 50% ถัดมาเป็นกลุ่มคอนซูเมอร์ราว 30% ส่วนอีก 20% เป็นกลุ่มองค์กรและภาครัฐ
“ในปีนี้บราเดอร์ จะเน้นเจาะในกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่มากขึ้น โดยคาดว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งในกลุ่มนี้ขึ้นมาเป็น 30% เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีเทรนด์ในการเติบโต โดยจากรายได้ของบราเดอร์ จะมาจากพรินเตอร์ และเครื่องมัลติฟังก์ชันประมาณ 90%”
ทั้งนี้ จากข้อมูลของจีเอฟเค ระบุว่า บราเดอร์มีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มโมโนเลเซอร์พรินเตอร์ ราว 28% ถือเป็นอันดับ 2 ในตลาด ถัดมาเป็นโมโนเลเซอร์ มัลติฟังก์ชัน 35% เป็นอันดับ 1 และอิงค์เจ็ทมัลติฟังก์ชัน มีส่วนแบ่ง 15% คิดเป็นอันดับ 4
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้ บราเดอร์จะเน้นการแบ่งการทำตลาดให้ตรงกับแต่ละกลุ่มสินค้าควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ ใน 4 ส่วน คือ การสัมมนาให้คู่ค้าทางธุรกิจขยายช่องทางจำหน่ายในกลุ่มเครื่องพิมพ์ฉลาก จับมือพันธมิตรซอฟต์แวร์สแกนเนอร์ในการนำเสนอโซลูชัน และผนึกกำลังกับพันธมิตรในธุรกิจจักรเย็บผ้า
“บราเดอร์จะทำงานร่วมกับผู้ติดตั้งระบบ (SI) ในการนำเสนอโซลูชันให้แก่องค์กร และหน่วยงานราชการ เพราะมองว่ารูปแบบการจำหน่ายแบบเดิมๆ ที่เข้าไปนำเสนอเฉพาะสินค้าไม่เพียงพอกับการใช้งานของลูกค้าในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ก็จะเน้นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายในกลุ่มที่ไม่เคยนำไอทีไปใช้งานจากผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย”
ส่วนทางด้านบริการหลังการขาย จะมุ่งเน้นในการพัฒนาด้านบริการแก่ลูกค้าองค์กร พร้อมพัฒนาบุคลากรทางด้านบริการของบราเดอร์ และตัวแทนให้มีมาตรฐานจากศูนย์บริการทั้ง 134 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัด รวมถึงศูนย์บริการด้านจักรเย็บผ้า 23 แห่ง ที่มีแผนจะขยายเพิ่มอีก 3 แห่งในปีนี้