xs
xsm
sm
md
lg

“แพลนโทรนิคส์-จาบร้า” ชักธงรบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ตลาดหูฟังบลูทูธกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดสำคัญที่เติบโตตามปริมาณของสมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าเมื่อเป็นตลาดที่มีการเติบโต การแข่งขันก็สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดในกลุ่มของหูฟังบลูทูธเพื่อใช้ในการสนทนา รวมถึงไปกลุ่มที่มีการเติบโต คือ กลุ่มหูฟังบลูทูธที่เน้นคุณภาพเสียง และหูฟังบลูทูธสำหรับการออกกำลังกาย

เมื่อมองมาในตลาดนี้ผู้เล่นหลัก คือ 2 แบรนด์ใหญ่ในตลาดหูฟังบลทูธ คือ แพลนโทรนิคส์ (Plantronics) และ จาบร้า (Jabra) สอดแทรกมาด้วยแบรนด์หูฟังที่นำเข้าจากจีนที่มาตีในตลาดล่างราคาต่ำกว่า 1,000 บาท และอีกกลุ่ม คือ แบรนด์เครื่องเสียงที่ขยายตลาดมาอยู่ในกลุ่มหูฟังมากขึ้น

นิสา มังกรทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิสเท็ม 2000 จำกัด ให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดหูฟังบลูทูธถือว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการนำไปใช้ในองค์กรธุรกิจที่จะมีการปรับเปลี่ยนจากหูฟังกับเครื่องโทรศัพท์ทั่วไป กลายเป็นหูฟังไร้สายที่ใช้งานคู่กับระบบโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิตอล

ขณะที่ในกลุ่มของคอนซูเมอร์ ก็เริ่มเห็นพฤติกรรมการนำหูฟังบลูทูธมาใช้งานในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องใช้การติดต่อสื่อสารตลอดเวลา พร้อมไปกับการใช้งานสมาร์ทโฟน ซึ่งด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้การเชื่อมต่อบลูทูธระหว่างสมาร์ทโฟน และคอมพิวเตอร์ สามารถเชื่อมต่อเข้าหากันได้ ทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดเวลา

***แพลนโทรนิคส์ ยังแข็งแรงในตลาดองค์กร

ดังจะเห็นได้จากกลุ่มลูกค้าหลักของแพลนโทรนิคส์ ที่ปัจจุบันถือเป็นผู้นำในกลุ่มหูฟังไร้สายสำหรับองค์กรธุรกิจทั้งในตลาดประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 70% และตลาดระดับโลก ในขณะที่ปัจจุบัน การเข้ามาของคลาวด์ และระบบโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIP) เติบโตมากทำให้องค์กรมีการลงทุนในส่วนนี้เพิ่มเติม

แม้ว่าการแข่งขันในกลุ่มนี้จะค่อนข้างสูงจากคู่แข่งที่เข้ามาชิงตลาด แต่ด้วยการที่องค์กรธุรกิจจะเน้นในแง่ของคุณภาพ และการซัปพอร์ตกับซอฟต์แวร์ในการใช้งาน ทำให้แพลนโทรนิคส์ ค่อนข้างได้เปรียบในจุดนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาแพลนโทรนิคส์ มีการลงทุนวิจัย และพัฒนาในแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

“สิ่งที่ทำให้แพลนโทรนิคส์ แตกต่างจากแบรนด์อื่น คือ ไม่จำเป็นต้องอัปเกรดซอฟต์แวร์ให้เข้ากับเครื่องที่ต่อพ่วง เพราะจะมีการทำเฟิร์มแวร์ของหูฟังให้รองรับการใช้งานแบรนด์ชั้นนำระดับโลกไม่ว่าจะเป็นอวาย่า หรือซิสโก้ได้อยู่แล้ว ซึ่งจากแนวโน้มที่องค์กรลงทุนในยุคใหม่ๆ ก็จะให้ความสำคัญกับหูฟังไร้สายมากขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ตลาดหูฟังบลูทูธส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มของคอนซูเมอร์เกินครึ่ง ทำให้ในช่วงหลังต้องมีการนำผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจ และมืออาชีพ ที่ชื่นชอบเสียงเพลง สามารถนำไปใช้ทั้งขณะทำงาน และการใช้ชีวิตทั่วไป ที่ถือเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโต

ถัดมา คือ กลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่จะเน้นหูฟังบลูทูธแบบเบาสบาย สามารถพกพาติดตัวไปได้ และสุดท้าย คือ กลุ่มผู้ใช้งานหูฟังบลูทูธสำหรับการออกกำลังกาย ที่จะเน้นในแง่ของการป้องกันน้ำ ป้องกันเหงื่อ ให้สามารถใช้ในการออกกำลังได้ตลอดเวลา

โดยปัจจุบัน แพลนโทรนิคส์จะจำหน่ายหูฟังบลูทูธในระดับราคาตั้งแต่ 1,000 บาทไปจนถึง 10,000 บาท ซึ่งเกิน 80% ของรายได้จะมาจากหูฟังที่มีราคาเกิน 3,000 บาท เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้าในระดับบนที่มีกำลังซื้อ และเน้นคุณภาพ การรับประกันของสินค้าเป็นหลัก

ประกอบกับช่องทางจำหน่ายของซิสเท็ม 2000 ครอบคลุมกับกลุ่มเป้าหมายจากช่องทางจำหน่ายราว 300 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นเจมาร์ท บานาน่าไอที ไอสตูดิโอแบรนด์ต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา สามารถทำรายได้ราว 100 ล้านบาทในแต่ละปี และเชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ในระดับ 2 ดิจิต

อีกปัจจัยที่สำคัญ คือ การบริหารสต๊อกสินค้าที่เป็นจุดเด่น เนื่องจากแพลนโทรนิคส์ เลือกที่จะบริหารสินค้าคงคลังด้วยตัวเอง เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์ในการทำงานปรับสัดส่วนการขายระหว่างออฟไลน์ และออนไลน์ เพื่อให้สามารถควบคุมราคาได้

ขณะเดียวกัน ก็มีมาตรการในการช่วยคุมราคา เช่น ถ้าลูกค้าต้องการส่วนลด 10% ก็สามารถทำได้ แต่จะได้รับประกันสินค้า 1 ปี แต่ถ้าจ่ายราคาเต็มจะได้รับประกัน 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเลือกระยะเวลารับประกันมากกว่า และยังถือเป็นการช่วยตัวแทนจำหน่ายให้ไม่ต้องแข่งขันกับช่องทางออนไลน์ที่ทำแคมเปญลดราคา

สำหรับหูฟังรุ่นเด่นของแพลนโทรนิคส์ ที่จะเน้นทำตลาดในปีนี้ คือ Backbeat Pro 2 ที่เป็นหูฟังบลูทูธแบบครอบหู มีจุดเด่นตรงระบบตัดเสียงรบกวน พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับการใช้งาน วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 7,890 บาท และ Backbeat Fir ที่เป็นหูฟังสำหรับการออกกำลังกายที่กันน้ำได้ในราคา 4,690 บาท

***จาบร้า ขอสู้ตลาดกีฬา

ในฝั่งของจาบร้า กลับมองว่า ในตลาดไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ออกกำลังกายอย่างวิ่ง กลับต้องการหูฟังไร้สายที่มาตอบโจทย์การใช้งาน ไม่ใช่แค่การฟังเพลง แต่ยังรวมถึงแอปพลิเคชันที่มาช่วยพัฒนาการวิ่งให้ดีขึ้น ทำให้ในปีที่ผ่านมา เริ่มมีการนำสินค้าอย่างหูฟังวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และหูฟังที่มีโปรแกรมฝึกสอนส่วนตัว (Coach) มาจำหน่าย

พร้อมกันนี้ ทางจาบร้า ก็ได้มีการลงทุนในการพัฒนาแอปพลิเคชันเฉพาะขึ้นมา ให้ผู้ใช้สามารถนำไปใช้ในการออกกำลังกายอย่างการวิ่ง ปั่นจักรยาน เล่นฟิตเนสต่างๆ ได้ทันที และยังสามารถเชื่อมต่อข้อมูลเข้ากับคอมมูนิตี้ของผู้ที่ออกกำลังกายอย่าง Strava ได้ด้วย

ส่งผลให้รายได้ของจาบร้าในปีที่ผ่านมา ขยับจากเดิมที่จำหน่ายหูฟังบลูทูธแบบโมโน และสเตอริโอเพียงอย่างเดียว ขยับสัดส่วนมาเป็น 70% และหูฟังสำหรับออกกำลังกาย 30% และคาดว่าในปีนี้สัดส่วนระหว่าง 2 กลุ่มจะอยู่ใกล้เคียงกัน โดยในปีนี้มีแผนที่จะเปิดตัวหูฟังปกติ 20 รุ่น และหูฟังกีฬา 6 รุ่น

บรรพต วัฒนสมบัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์ทีบี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวเสริมว่า นอกจากตลาดผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ที่เป็นตลาดซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างมากตามจำนวนเทรนด์ของการวิ่ง การปั่นจักรยาน ที่มีอีเวนต์จัดขึ้นแทบทุกสัปดาห์ ก็จะมีเพิ่มในส่วนของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนที่รับชมคอนเทนต์ทั้งฟังเพลง และดูหนังมากขึ้น

“พฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคในปัจจุบันเริ่มมีการสตรีมมิ่งเพลง หรือภาพยนตร์ดูผ่านสมาร์ทโฟนระหว่างเดินทางมากขึ้น ซึ่งถ้าใช้งานคู่กับหูฟังที่แถมมากับเครื่องก็จะได้คุณภาพเสียงที่ไม่ดี จาบร้า จึงเน้นการแนะนำหูฟังที่ให้คุณภาพเสียงดีขึ้นมากกว่า”

อย่างไรก็ตาม จาบร้า มองว่า พฤติกรรมของผู้ใช้ในปัจจุบันจะใช้หูฟังในการพูดคุยน้อยลงเหลือราว 15% เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะใช้ในการฟังเพลง หรือดูหนัง ดังนั้น การทำตลาดของหูฟังจึงต้องเน้นการจัดกิจกรรมให้ลูกค้าได้มาสัมผัส และทดลองใช้งานมากขึ้น

โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้ที่ออกกำลังกาย ก็จะมีธีมในการทำตลาดอย่าง “หูฟังเปลี่ยนชีวิต” เพราะมีการสำรวจพบว่า ผู้ที่ออกกำลังกายโดยการวิ่ง เมื่อฟังเพลงไปด้วยจะสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้นเป็นต้น

ส่วนในมุมของเทคโนโลยี จาบร้า ก็จะมีหูฟังอย่าง Jabra Elite Sport ที่เป็นหูฟังสเตอริโอบลูทูธไร้สายที่ไม่มีสายคล้อง สามารถใส่ออกกำลังกาย และใช้งานในชีวิตประจำวันได้เลย โดยเป็นหูฟังที่มีการเปิดตัวก่อน Airpods แต่เพิ่งนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในราคา 9,700 บาท

***แบรนด์หูฟังรอชิงตลาด

ขณะเดียวกัน เมื่อมองไปถึงแบรนด์หูฟังรายอื่นในท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็น Beats Sony Sennheiser Bose Marshall Audio Technica JBL รวมถึงแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ ที่เคยอยู่ในตลาดเครื่องเสียง ก็หันเข้ามาจับในตลาดนี้เช่นเดียวกัน

เนื่องจากปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีของบลูทูธที่พัฒนาขึ้นเป็นอย่างมาก ส่งผลให้คุณภาพของเสียงที่ส่งผ่านสัญญาณบลูทูธจากสมาร์ทโฟน หรือเครื่องเล่นเพลงไม่ถูกลดทอนลงไป ทำให้ผู้ผลิตหลายๆ ราย จึงหันมาผลิตสินค้าที่เป็นหูฟังไร้สายเพื่อจับกลุ่มผู้ใช้งานสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น ในระดับราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น