xs
xsm
sm
md
lg

CAT ก้าวสู่ News S-Curve จับมือสองบริษัทชั้นนำจากเกาหลีใต้ เปิดตัว “ทรี เพย์” บริการระบบ รับชำระเงินครบวงจร ควบคู่พัฒนาเมกะโปรเจค “ภูเก็ต สมาร์ทซิตี้” เมืองต้นแบบอัจฉริยะด้วย LoRa IoT Network แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (CAT) ร่วมกับ SK Telecom และ NHN KCP จากเกาหลีใต้ เปิดตัวบริษัทร่วมทุน “ทรี เพย์” ลุยธุรกิจใหม่ Payment Gateway และ e-Business ครบวงจร พร้อมเดินหน้าแผนพัฒนา New S-Curve สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืน เริ่ม Platform IoT นำร่องภูเก็ตสมาร์ทซิตี้ รับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยมีผู้บริหารจากหลากหลายธุรกิจเข้าร่วมงานคับคั่ง ณ อาคารโทรคมนาคม CAT Tower บางรัก

หลังจากประกาศนโยบายไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลได้ตั้งเป้ากลไกการขับเคลื่อนด้วยโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ภาคธุรกิจไทย ปฏิรูปประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริบทหนึ่ง คือ การพัฒนาขีดความสามารถของธุรกิจในประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิตอล พร้อมสนับสนุนให้เปลี่ยนรูปแบบการค้าไปสู่ระบบธุรกิจออนไลน์เต็มรูปแบบ (e-Business) ตลอดจนขยายฐานข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงระบบการค้าไทยให้เข้ากับระบบการค้าสากล ซึ่งนโยบายดังกล่าวทำให้วงการโทรคมนาคมไทยมีความตื่นตัวในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และบริการทางเทคโนโลยีรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอลยุคใหม่ โดย CAT ผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิตอลระดับโลกอย่าง SK Telecom และ NHN KCP ในรูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ซึ่งเป็นการพัฒนาธุรกิจเชิงกลยุทธ์ให้สามารถก้าวสู่ธุรกิจใหม่ด้วยค่าผลความสำเร็จที่สูงกว่า

พันเอก ผศ.ดร. สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CAT เปิดเผยว่า “CAT เรามีการพัฒนาเทคโนโลยีในหลากหลายด้าน ซึ่งนอกเหนือจากการพัฒนาเทคโนโลยีบริการด้านเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็นบริการสื่อสารข้อมูล และอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก เราก็ยังมีการพัฒนาบริการดิจิตอลบนเครือข่ายอื่นๆ เพื่อการให้บริการได้แบบครบวงจร ซึ่งจะเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันในธุรกิจให้กับ CAT ในระยะยาว โดยวันนี้เราจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับวงการสื่อสารโทรคมนาคมไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีไปพร้อมกับผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลก นั่นหมายถึง เราจะมีระดับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นในภาพรวมทัดเทียมระดับโลกด้วยเช่นกัน โดยเราได้จัดตั้งบริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ระหว่าง CAT ร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ SK Telecom ซึ่งมีธุรกิจหลากหลายรูปแบบ ทั้งธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม, e-Commerce, Digital Contents และ NHN KCP บริษัทผู้นำด้านธุรกิจ e-Commerce, e-Payment รายใหญ่จากประเทศเกาหลีใต้ โดยได้จัดตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 200 ล้านบาท”

ด้าน คุณสุวิชา นะลิตา CEO บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ทรี เพย์ นำเสนอบริการระบบรับชำระเงินที่ครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจในประเทศไทย จากความเชี่ยวชาญอันยาวนานของกลุ่มผู้ถือหุ้น ทรี เพย์ มุ่งไปสู่การให้บริการโดยเน้นเรื่องความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการปฏิบัติจริงในธุรกิจ รับชำระเงิน ก้าวไปสู่การให้บริการที่สมบูรณ์แบบ มีความคล่องตัว และรวดเร็วในทุกกระบวนการ นำไปสู่การขยายตัวทางเศรษฐกิจในระดับประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย และทิศทางของภาครัฐ”

นอกจากนี้ ทรี เพย์ ยังเสนอการวิเคราะห์ข้อมูล การบริหารความเสี่ยง และยังได้รับมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย (PCI) พร้อม ISO 27001 ในระบบการจัดเก็บข้อมูล “ทรี เพย์ นำเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับในตลาดมาให้บริการ เพื่อนำเสนอระบบรับชำระเงินที่ได้รับความไว้วางใจ และยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนของคู่ค้า” คุณ สุวิชา นะลิตา กล่าวเพิ่มเติม

“ด้วยระบบการชำระเงินของทรี เพย์ ที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐ ในการยกระดับธุรกิจไทยให้มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิตอลเกิดขึ้น อันจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) และผู้ประกอบการรายใหม่ ซึ่งจะสามารถดำเนินธุรกิจผ่านช่องทางพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างรวดเร็ว จึงนับว่า ทรี เพย์ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของระบบธุรกรรมทางการเงิน ที่จะช่วยให้ประเทศไทยก้าวไปยังจุดที่พัฒนาระบบการค้าแบบอิเล็กทรอนิกส์จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม และยังทำให้เกิดความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีชั้นนำของเอเชีย” พันเอก ผศ.ดร. สรรพชัยฯ กล่าวเพิ่มเติม

นอกเหนือจากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ทรี เพย์ เพื่อการขยายธุรกิจ e-Business แล้ว CAT และ SK Telecom ยังได้ร่วมกันพัฒนา Platform IoT ให้ภูเก็ตก้าวสู่ความเป็น Smart City อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งต่อเนื่องมาจากการที่รัฐบาลได้เปิดโครงการ “ภูเก็ต สมาร์ท ซิตี้” เพื่อส่งเสริมให้จังหวัดภูเก็ต เป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ และสมาร์ท สตาร์ทอัป ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล และจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศตามกรอบนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งหลายหน่วยงานได้พยายามร่วมกันขับเคลื่อนโดยตั้งเป้าให้เกิด “ภูเก็ต สมาร์ท ซิตี้” อย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2563

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย CAT เปิดเผยว่า “CAT ซึ่งได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้ดูแลในส่วนของการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมให้กับโครงการดังกล่าว เราได้ร่วมมือพันธมิตรบริษัท SK Telecom ผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมชั้นนำจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีประสบการณ์ในการพัฒนา Platform IoT ระดับโลก และมีความพร้อมทั้งด้านการออกแบบ และวางระบบดังกล่าว โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงพัฒนาระบบโครงสร้างโทรคมนาคม และ IoT Platform ในจังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการ “ภูเก็ต สมาร์ท ซิตี้” ซึ่งจะมาจะพลิกโฉมจังหวัดภูเก็ต ให้กลายเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ ด้วยเทคโนโลยี LoRa IoT Network แห่งแรกในภูมิภาคอาเซียน”

Mr. Inhyok Cha, Executive Vice President, IOT Business Division SK Telecom กล่าวว่า “IoT Platform ที่ CAT และ SK Telecom จะร่วมมือกันติดตั้งระบบเมืองอัจฉริยะให้กับโครงการ ภูเก็ต สมาร์ทซิตี้ เบื้องต้นจะมี 3 รูปแบบ ได้แก่ Asset Tracking ระบบการติดตาม ซึ่งประกอบไปด้วย Eco Bike อุปกรณ์ติดตั้งที่สามารถเชื่อมต่อกับจักรยานทุกคันที่ลงทะเบียนในระบบ ทำให้สามารถติดตามโลเคชั่นแบบเรียลไทม์ และจัดการได้อย่างเป็นระบบ รวมถึง Safe Watch นาฬิกาข้อมืออัจฉริยะที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟน สามารถติดตามโลเคชั่นของผู้ที่สวมใส่ได้แบบเรียลไทม์เช่นกัน ซึ่งจะมีระบบแจ้งเตือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และการแจ้งติดต่อขอความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน”

“รูปแบบที่สอง ได้แก่ AMI Service ระบบมิเตอร์อัจฉริยะที่จะถูกนำไปติดตั้งกับมิเตอร์ต่างๆ อาทิ มิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟ ซึ่งจะสามารถเก็บข้อมูลในระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงการติดตามสถานะ การจัดการ และควบคุมได้ผ่านเครือข่าย ซึ่งนอกจากจะทำให้มีการเก็บสถิติการใช้อย่างเป็นระบบแล้ว ยังครอบคลุมไปถึงการชำระค่าบริการผ่านระบบ e- Payment ได้อีกด้วย และรูปแบบที่สาม คือ Smart City Service บริการต่างๆ ที่ประกอบไปด้วย Smart Light อุปกรณ์ และระบบที่จะนำไปติดตั้งพร้อมสวิตซ์ไฟต่างๆ ภายในเมือง อาทิ ไฟจราจร ไฟถนน หรือแม้กระทั่งกล้อง CCTV โดยนอกจากจะสามารถควบคุมได้ผ่านเครือข่ายแล้ว ยังมีเซนเซอร์ที่ควบคุมการใช้ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการใช้ไฟฟ้า ประหยัดพลังงานได้มากยิ่งขึ้น รวมถึง Smart Manhole หรือระบบสุขาภิบาลอัจฉริยะ โดยมีการวางระบบสนับสนุนด้านความปลอดภัย อาทิ การติดตั้งเซนเซอร์เพื่อตรวจจับอุณหภูมิ ความชื้น แก๊ส ไฟ ผ่านท่อระบายน้ำ เพื่อวิเคราะห์ และป้องกันเหตุที่เกี่ยวข้องได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสำหรับการวาง IoT Platform ต่างๆ เหล่านี้ SK Telecom จะเป็นผู้ติดตั้งอุปกรณ์ และระบบการเชื่อมต่อ รวมถึงระบบที่สนับสนุนอื่นๆ และ CAT จะดูแลในส่วนของระบบเครือข่าย การโอเปอร์เรชั่น (Operation) และการพัฒนาบริการในรูปแบบต่างๆ”

“ความร่วมมือในการวาง IoT Platform ระหว่าง CAT กับ SKT ในครั้งนี้จะเป็นการปฏิวัติรูปแบบการใช้ชีวิตของนักท่องเที่ยว และประชาชนในจังหวัดภูเก็ต ให้ก้าวสู่การเป็น Smart Life อย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด 6 ด้าน ได้แก่ Smart Economy เมืองที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ, Smart Environment เมืองประหยัดพลังงาน, Smart Governance เมืองที่บริหารจัดการโปร่งใส, Smart Living เมืองน่าอยู่, Smart Mobility ติดต่อสื่อสารระหว่างกันสะดวกสบาย และ Smart People เมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และคนสูงอายุ” ดร.ดนันท์ กล่าวเพิ่มเติม

นับเป็นการพลิกโฉมธุรกิจโทรคมนาคมไทย และเป็นที่น่าจับตาสำหรับ CAT และ SK Telecom ที่จะมีการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีคลื่นลูกใหม่ หรือ New S-Curve เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน และธุรกิจไทยในอนาคตต่อไป


(พื้นที่ประชาสัมพันธ์)

กำลังโหลดความคิดเห็น