เฟซบุ๊ก เดินหน้าผลักดันธุรกิจไทยสู่การโฆษณาผ่านมือถือ ด้วยประสิทธิภาพการสื่อสารที่มากกว่า ชูจำนวนผู้ใช้มือถือชาวไทยเฉลี่ย 160 นาทีต่อวัน และสถิติอีคอมเมิร์ซกว่า 92% ใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นประจำทุกวัน ย้ำชัด 1 ใน 2 ของคนไทยสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน แนะเรียนรู้ให้เร็วใช้เครื่องมือออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
จอห์น แวกเนอร์ กรรมการผู้จัดการเฟซบุ๊กประเทศไทย เปิดเผยว่า พฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนไทยเปลี่ยนไป กระบวนการเลือกซื้อสินค้ามีความซับซ้อนต่อการตัดสินใจมากขึ้น โดยกว่า 70% มีการใช้มือถือเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งการค้นหา และเชื่อมต่อกับแบรนด์ จนถึงการตัดสินใจซื้อในที่สุด ธุรกิจไทยจึงจำเป็นจะต้องปรับตัวให้เร็วขึ้นด้วยการใช้มือถือเพื่อเข้าถึงผู้คนในทุกๆ ขณะ และเชื่อมโยงธุรกิจสู่บัญชีกว่า 44 ล้านคนในประเทศไทย
“เทคโนโลยีเปลี่ยนไปแล้ว โลกเปลี่ยนไปแล้ว เฟซบุ๊กมีเครื่องมือการสื่อสารหลากหลายแพลตฟอร์มที่สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจได้อย่างสะดวก ทำให้การโฆษณาของธุรกิจขนาดเล็ก และใหญ่ทำงานได้ง่ายขึ้น และเอื้อให้ธุรกิจเข้าถึงชุมชนออนไลน์ที่มีผู้ชมตรงกลุ่มเป้าหมายในราคาที่ถูกลง คุ้มค่า และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ธุรกิจจึงต้องเรียนรู้เครื่องมือออนไลน์ให้เร็ว เพื่อใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด”
ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยหลายสำนักระบุว่า คนไทยใช้เวลาบนมือถือกว่า 160 นาทีต่อวัน แบ่งเป็นการรับชมวิดีโอสูงถึง 105 นาทีต่อวัน ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกกว่า 60% โดยความยาวของวิดีโอไม่เกิน 10 นาที ได้รับความนิยมในการชมระหว่างวัน ขณะที่วิดีโอขนาดยาวมากกว่า 10 นาที มักถูกเปิดช่วงเวลากลางคืน หรือก่อนนอน นอกจากนี้ 1 ใน 2 ของคนไทยยังซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งผู้ใช้อีคอมเมิร์ซในไทยใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กในกิจกรรมสื่อสารสูงสุด โดย 92% ระบุว่า มีการใช้งานเป็นประจำทุกวัน
ทั้งนี้ หากเทียบจำนวนเงินที่จ่ายเพื่อซื้อเวลา และค่าโฆษณาในแต่ละประเภทของสื่อ ระบุชัดเจนว่า สื่อดิจิตอลเป็นสื่อที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ามากที่สุด โดยปัจจุบันมีการจ่ายเงินซื้อโฆษณาเพียงแค่ 1% แต่ได้จำนวนเวลาในการสนใจสูงถึง 48% ขณะที่สื่อโทรทัศน์จะต้องเสียเงินสูงกว่า 69% เพื่อให้ได้เวลาในการรับชมเพียงแค่ 46% เท่านั้น แต่กระนั้น ธุรกิจส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะโฆษณาสื่อโทรทัศน์มากกว่า ทำให้โอกาสของการเข้าถึงสื่อดิจิตอลของธุรกิจไทยยังมีอยู่สูงถึง 99% หรือคิดเป็นจำนวนเงินโฆษณากว่า 1.41 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมโฆษณาออนไลน์ในไทยจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีในช่วง 5 ปีข้างหน้านี้ อยู่ที่ 22.5 เปอร์เซ็นต์ (89 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) นับเป็นอัตราการเติบโตสูงเป็นอันดับสองในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“การที่ธุรกิจยังคงใช้โฆษณาผ่านสื่อดั้งเดิมอยู่นั้น คาดว่าจะเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ 1.ความคุ้นเคย จากที่ผ่านมา ซึ่งเคยสำเร็จกับการสื่อสารรูปแบบเดิม ทำให้เกิดความเคยชินของการสร้างรูปแบบการโฆษณาดั้งเดิม อีกทั้งกระบวนการวัดผลก็ยังคงรูปแบบเดิมๆ เนื่องจากระบบวัดผลยังตามเทคโนโลยีไม่ทัน ทำให้ยังคงใช้ตัวเลขการวัดผลแบบเช่นเดิม และ 2.ธุรกิจไม่มีความพร้อมทางเทคโนโลยี สิ่งสำคัญของการเปลี่ยนผ่านมาสู่เครื่องมือเทคโนโลยีนั่นคือความรู้ และความเข้าใจในเรื่องเทคโนโลยีของทีมงาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลง”
เฟซบุ๊ก ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จของโพเมลา ซึ่งเป็นผู้ประกอบการด้านเสื้อผ้าแฟชั่นที่เลือกใช้เฟซบุ๊ก เป็นช่องทางการสื่อสารหลักไปหาลูกค้า โดยใช้กลยุทธ์โฆษณาที่ตอกย้ำความสนใจในสินค้าที่เกี่ยวข้องกับนักชอปกลุ่มเป้าหมายในช่วงเวลาที่เหมาะสม อีกทั้งโพเมลา ยังเลือกใช้โฆษณาแบบไดนามิกที่เชื่อมโยงกับแคตาล็อกสินค้ากว่า 1,500 รายการ โดยจะหยุดโฆษณาทันทีเมื่อสินค้าขายหมด ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารทางการตลาดมากกว่ารูปแบบเดิมถึง 10 เท่า ขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินการลดลง 85% และผลตอบแทนจากค่าใช้จ่ายการโฆษณาเพิ่มสูงขึ้นถึง 12.9 เท่า
ทั้งนี้ มือถือทั่วโลกมีการใช้งานอยู่ราว 7.5 พันล้านเครื่อง และมากกว่า 100 ประเทศที่มีจำนวนมือถือมากกว่าจำนวนประชากรของประเทศนั้นๆ นอกจากนั้น จำนวนสมาร์ทโฟนยังเติบโตขึ้นกว่า 5 เท่าในแต่ละปี ซึ่งถือเป็นช่องทางสำคัญของการเชื่อมโยงธุรกิจเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดในอนาคต