ทุกครั้งที่ผู้เขียนเริ่มเขียนบทความที่เกี่ยวข้องกับการพลิกผัน (Disruption) จะมีความไม่สบายใจ เพราะเพื่อนๆ ผู้เขียนหลายท่าน รวมทั้งผู้ติดตามบทความก็กำลังทำธุรกิจที่มีแนวโน้มขาลงตามกระแสโลก ผู้เขียนเองต้องขออภัยผู้อ่านที่อ่านแล้วอาจจะไม่สบายใจ จึงขอเสนอแนะว่า เราสามารถเลือกอ่านหรือเสพสื่อใดก็ได้ที่ทำให้เราสบายใจ
ดังนั้นเพื่อความสบายใจก็ขอให้ท่านมองผ่านบทความของผู้เขียนไป แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนขอยืนยันว่า ในเนื้อหาทุกบทความของผู้เขียนจะไม่ใส่อคติใดๆ และข้อมูลจะมาจากแหล่ง reference ที่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งจะระบุไว้ท้ายบทความเสมอ และผู้เขียนเชื่อว่าผู้อ่านที่เปิดใจอดทนอ่านด้วยสติและปัญญาและปราศจากอารมณ์ จะได้รับประโยชน์จากบทความแน่นอน
วันนี้ผู้เขียนได้พูดคุยกับเพื่อนอเมริกันผ่าน whatsapp ในเรื่องวิกฤติของธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐฯ จึงได้ค้นคว้าเพิ่มเติมข่าวสารให้ผู้อ่านได้รับทราบ
Sears ได้ตัดสินใจประกาศในช่วงปีใหม่ โดยปิดสาขากว่า 150 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของอุตสาหกรรมค้าปลีกของสหรัฐฯ อันสืบเนื่องมาจากการถูกท้าทายโดยร้านค้า online เช่น Amazon ซึ่งในสมัยที่ผู้เขียนเรียนปริญญาโทที่เมือง Atlanta มลรัฐจอร์เจีย ผู้เขียนมักจะหาเวลาพักผ่อนเดินเล่นหาซื้อของในร้านทั้งสองเสมอ โดยในขณะนั้นมี Sears และ Kmart ในมลรัฐจอร์เจียทั่วทุกแห่ง
Sears Holding Corp. (SHLD) ได้ประกาศว่าจะทำการปิดสาขาของ Kamart อีกถึง 109 สาขา และ outlets ของ Sears อีก 41 สาขา รวมไปถึงการยกเลิกแผนที่จะจำหน่ายสินค้าอุปกรณ์ช่างฝีมือ (Craftman tool) ภายใต้ตราสินค้า Stanley Black & Decker แต่ SHLD ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของการจ้างงานของพนักงานแต่อย่างใด โดยการปิดสาขาในปี 2016 ก็ได้มีการปิดไปแล้ว 78 สาขา ส่วนในปี 2015 ปิดไปมากกว่า 200 สาขา
ซึ่งในปลายปี 2014 Eddie Lampert, CEO ของ Sears ได้ให้ข้อมูลว่า Sears อยู่ระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital transformation) โดยจะอยู่ในรูปแบบ membership-based และ e-commerce-centric retailer และกำลังสร้าง "Shop Your Way program" ขึ้นมา โดยจะค่อยๆ ลดสาขาที่เป็นกายภาพให้น้อยลงตามลำดับ
Macy ได้ประกาศรับปี 2017 เช่นกัน โดยปิด 68 สาขาและต้องให้พนักงานออกจากงาน 10,000 ตำแหน่ง เหตุการณ์นี้เกิดจากผลของรายได้การประกอบการที่ย่ำแย่ลงมาตลอด อีกทั้ง Macy ยังคาดว่าจะต้องปลดพนักงานอีก 3,900 ตำแหน่งจากแผนการปิดสาขาอีกอย่างต่อเนื่อง และยังต้องปลดพนักงานที่เกิดจากการปรับปรุงกระบวนการภายในองค์กรอีก 6,200 ตำแหน่ง
Macy ได้เปิดเผยด้วยว่า การตัดค่าใช้จ่ายของ Macy ด้วยการปลดพนักงานและปิดสาขาก็เพื่อนำเอางบประมาณของบริษัทไปมุงเน้นลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ซึ่งในปรากฏการณ์นี้ Prof. Mark Cohen ศาสตราจารย์ของ Columbia Business School ได้ให้ความเห็นว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของการประกาศปิดสาขาและปลดพนักงานครั้งสุดท้ายของ Macy และยังให้ความเห็นอีกด้วยว่า มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และแน่นอน "more to come"
Prof. Mark Cohen ได้ให้ความเห็นด้วยว่า การที่องค์กรไม่ยินดีที่จะรับรู้กับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ก็จะได้รับผลนี้ นั่นก็คือการปิดตัวของธุรกิจในที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติม
(1) Hardvard Business Review ได้ลำดับก่อนหลังธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ จะถูก disrupt ดังนี้
(1) Media
(2) Telecom
(3) Financial services
(4) Retail
(5) Insurance
(6) Education
(7) Healthcare
(2) ผู้บริหาร ที่มีวิสัยทัศน์จึงสามารถคาดการณ์การพลิกผัน (Disruption) ในอุตสาหกรรมได้ ก็จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถประเมินความสามารถขององค์กรในอนาคตได้ การจ้างบุคลากรที่เหมาะสมจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขององค์กรได้ การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทำให้เกิดการตัดสินใจจากข้อมูล และมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่องค์กรที่เชี่ยวชาญทางดิจิทัล และเป็นที่แน่นอนว่า องค์กรที่ยังไม่มีการดำเนินการดังกล่าวก็จะต้องกลายเป็นผู้ตาม และอาจถูกทิ้งอยู่ข้างหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
Reference
[1] http://money.cnn.com/2017/01/05/investing/sears-kmart-closing-stores/
[2] http://fortune.com/2014/12/15/sears-ceo-lampert/
[3] http://money.cnn.com/2017/01/04/news/companies/macys-job-cuts-stock/index.html
[4] https://hbr.org/2016/03/the-industries-that-are-being-disrupted-the-most-by-digital