วันนี้ ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส วางขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว หลายคนคงได้ทราบถึงสเปก และฟีเจอร์เด่นจากสื่อทั่วโลกกันมาตั้งแต่งานเปิดตัวของแอปเปิล แต่จะมีสักกี่คนที่ทราบถึงจุดเด่นไอโฟน 7 ที่แอปเปิล ไม่ได้กล่าวถึงในงานอย่างเป็นทางการ วันนี้ทีมผู้จัดการไซเบอร์ จะขอสรุป 7 เรื่องเด่นไอโฟน 7 ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน อย่างน้อยก็เป็นอีกหนึ่งข้อมูลช่วยตัดสินใจในการเลือกซื้อไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส ในตอนนี้ได้
1.ไอโฟน 7 มีขนาดเท่ากับไอโฟน 6s
ทั้งไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส มีขนาดเท่ากับไอโฟน 6s และไอโฟน 6s พลัส ทุกสัดส่วน เริ่มจากไอโฟน 7 และ 6s จะมีความกว้างอยู่ที่ 67.1 มิลลิเมตร ยาว 138.3 มิลลิเมตร หนา 7.1 มิลลิเมตร ขนาดหน้าจอเท่ากัน 4.7 นิ้ว
ส่วนไอโฟน 7 พลัส และไอโฟน 6s พลัส มีความกว้างอยู่ที่ 77.9 มิลลิเมตร ยาว 158.2 มิลลิเมตร หนา 7.3 มิลลิเมตร ขนาดหน้าจออยู่ที่ 5.5 นิ้ว เท่ากัน
ด้านน้ำหนักถูกปรับลดจากรุ่น 6s ดังนี้ ไอโฟน 7 อยู่ที่ 138 กรัม (ปรับลดจาก 6s ลงมา 5 กรัม) ไอโฟน 7 พลัส น้ำหนัก 188 กรัม (ปรับลดลงมาจาก 6s พลัส 4 กรัม)
สุดท้ายส่วนสำคัญก็คือ ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส จะไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร แต่จะใช้ช่อง Lightning เชื่อมต่อแทน (มีอะแดปเตอร์แปลง 3.5 mm to Lightning Port มาให้)
2.หน้าจอเดิมเพิ่มเติม คือ รับสีได้มากขึ้น
มองเผินๆ สเปกหน้าจอไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส ดูไม่ต่างไปจากเดิมนัก แต่เมื่อลองเจาะสเปกภายในแล้วจะพบว่า แอปเปิลปรับเปลี่ยนไปหลายส่วน เริ่มตั้งแต่ขอบเขตสีจากเดิมเป็นมาตรฐาน sRGB แต่ในไอโฟน 7 จะเปลี่ยนเป็น P3 แบบเดียวกับในวงการภาพยนตร์ ซึ่งให้สีที่มากกว่า แน่นอนเมื่อเรารับชมภาพถ่าย หรือวิดีโอเทียบกับรุ่นก่อนหน้าในไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส เราจะสามารถเห็นสี และความสดใสที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความสว่างที่มากกว่าเดิม 25% รายละเอียดของภาพในโซนมืดจะเห็นชัดเจนขึ้นเมื่อรับชมผ่านหน้าจอไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส
3.การป้องกันน้ำ และฝุ่นมีเงื่อนไขสำคัญ
ถึงแม้ตัวเครื่องไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส จะถูกซีลกันน้ำมาอย่างดี ตามมาตรฐาน IP67 (กันน้ำลึก 1 เมตรได้นาน 30 นาที) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานเวลาฝนตก หรือเผลอทำเครื่องตกลงในอ่างน้ำเท่านั้น ไม่แนะนำให้ใช้งานใต้น้ำ หรือใช้งานระหว่างเล่นน้ำทะเล โดยในเงื่อนไขการรับประกันของแอปเปิล จะไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากน้ำ หรือของเหลวทุกชนิดไหลเข้าภายในตัวเครื่อง
4.เมื่อปุ่มโฮมเสีย ไม่ต้องตกใจ
ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส เปลี่ยนมาใช้ปุ่มโฮมโซลิดสเตทแบบเซ็นเซอร์ ที่ไม่มีการยุบตัวลงเมื่อกด ข้อดี คือ ปุ่มโฮมจะไม่มีโอกาสสึกหรอจากการใช้งานเหมือนปุ่มโฮมกลไกแบบเก่า รวมถึงความแม่นยำที่มากขึ้น แต่ทั้งนี้ ด้วยการที่ปุ่มโฮมแบบใหม่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ ถ้าเครื่องเกิดอาการค้างหรือทำงานผิดพลาด ปุ่มโฮมจะหยุดทำงานทันที แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะแอปเปิล มีวิธีแก้ไขให้ โดยเมื่อเครื่องค้างผู้ใช้สามารถกดปุ่มเปิดปิดเครื่องพร้อมกับปุ่มลดระดับเสียงค้างไว้สักครู่ ระบบจะทำการรีสตาร์ท และกลับมาใช้งานได้ปกติอีกครั้ง หรืออีกกรณี ถ้าปุ่มโฮม หรือ Taptic Engine ภายในมีปัญหาเสียหายหนัก ตัวซอฟต์แวร์ iOS จะปรากฏข้อความ “The Home Button May Need Service” และเมื่อผู้ใช้กด OK ซอฟต์แวร์จะปรากฏปุ่มโฮมจำลองขึ้นมาที่หน้า iOS ให้ใช้งานทดแทนไปก่อนได้
5.เรื่องกล้องถ่ายภาพที่หลายคนไม่ทราบ
สเปกกล้องไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส หลายคนมักทราบอยู่แล้วว่า ตัวกล้องปรับปรุงใหม่ใช้รูรับแสงกว้าง f1.8 และในส่วนไอโฟน 7 พลัส จะเป็นกล้องคู่ แบ่งเป็นเลนส์ระยะ 28 มิลลิเมตร f1.8 และเลนส์ระยะ 56 มิลลิเมตร f2.8 (ซูมจริง 2 เท่า ดิจิตอล 10 เท่า) รวมถึงกล้องหน้า 7 ล้านพิกเซล และไฟแฟลชทรูโทน 4 ดวง
แต่ทั้งนี้ ในส่วนรายะละเอียดปลีกย่อย ด้วยการที่แอปเปิล เข้าใจปัญหาของการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนในเวลากลางคืน รวมไปถึงต้องการให้กล้องไอโฟนตอบรับกับความต้องการของช่างภาพมืออาชีพได้ดีขึ้น แอปเปิลจึงเลือกปรับปรุงส่วนอื่นเพิ่มเติม ได้แก่ 1.สมองกลในการวิเคราะห์ภาพได้รวดเร็ว และแม่นยำขึ้น โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อยจะทำได้ดีขึ้น 2.ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล จะมีทั้ง ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส 3.แอปเปิลเพิ่มชิ้นเลนส์ที่ 6 เข้าไปในกล้องหลังจากเดิมมี 5 ชิ้น เพื่อเน้นแก้ไขอาการคลาดเคลื่อนของสี รวมถึงแฟร์จากการถ่ายภาพย้อนแสง และแสงจากหลอดไฟตอนกลางคืนให้ดีขึ้น 4.กล้องหลังมีระบบ Wide Color Capture P3 แบบเดียวกับหน้าจอ ทำให้สีสันที่ได้จากกล้องหลังไอโฟน 7 และ 7 พลัส มีความกว้างของสีที่มากกว่ากล้องสมาร์ทโฟนปกติ รวมถึงไดนามิกภาพ สมดุลแสงขาว และคอนทราสต์ที่ดีขึ้น 5.รองรับการถ่ายภาพด้วยไฟล์ RAW สมบูรณ์แบบ 6.กล้องคู่ในไอโฟน 7 พลัส รองรับโหมดหน้าชัดหลังเบลอ (Depth of Field) ซึ่งจะมีให้ใช้ใน iOS 10.1 เป็นต้นไป แน่นอนว่า โหมดถ่ายภาพนี้ไม่สามารถใช้กับไอโฟน 7 ได้ ต้อง 7 พลัส เท่านั้น
6.ลำโพงสเตอริโออัจฉริยะ
ในไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส จะมาพร้อมลำโพงสเตอริโอแยกซ้ายขวา (ดังกว่าเดิม 2 เท่า) โดยลำโพงตัวแรกจะอยู่บริเวณช่องลำโพงสนทนา และตัวที่สองอยู่ด้านล่างเครื่อง เมื่อผู้ใช้เปิดฟังเพลง เล่นเกม หรือรับชมวิดีโอ ลำโพงทั้ง 2 ตัวจะสามารถปรับทิศทางเสียงอัตโนมัติตามการจับถือของผู้ใช้ เช่น ถ้าใช้งานในแนวตั้งลำโพงทั้ง 2 จะเปลี่ยนเป็นโมโนโหมด โดยลำโพงตัวแรกจะทำหน้าที่ให้เสียงแหลมกลาง ส่วนลำโพงตัวที่สองเป็นเสียงเบส และเมื่อตะแคงเครื่องใช้งานแนวนอน ระบบจะสลับกลับมาเป็นสเตอริโอโหมด โดยลำโพงทั้งสองตัวจะให้เสียงแทนลำโพงซ้ายขวาอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะพลิกเครื่องใช้งานด้านไหนก็ตาม ลำโพงทั้ง 2 ตัวสามารถเรียนรู้ และปรับทิศทางเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
7.รองรับ 4G LTE สมบูรณ์แบบ
ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส มีการอัปเกรดด้านการรองรับเครือข่าย 4G LTE ได้ครบครอบคลุมทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงการโรมมิ่งที่แอปเปิล เคลมว่า ใช้งานได้ทุกประเทศเช่นกัน นอกจากนั้น จากสเปก ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส ยังรองรับ 4G LTE Advanced สูงสุด 450Mbps รองรับ Carrier Aggregation ได้ถึง 3CA และรองรับระบบ VoLTE, WiFi Calling ได้สมบูรณ์แบบด้วย
ติดตามบทความรีวิว ไอโฟน 7 และไอโฟน 7 พลัส ได้จากทาง www.cyberbiz.in.th