'POMO Bebe' อุปกรณ์ไฮเทคที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย 'โพโมะเฮาส์' จากความต้องการมีผู้ดูแลลูกน้อยตลอด 24 ชั่วโมงทั้งหลับและตื่น ชูฟังก์ชั่นเด่น วัดอุณหภูมิ ตรวจสอบการนอน และป้องกันเด็กหาย เชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟนเก็บประวัติการนอน เป็นสถิติทุกวัน ทุกเดือนได้แม่นยำ หวังเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่ทุกบ้านต้องมีไว้ประจำ วางตลาดในไทยและทั่วโลก เจาะตลาดสถานพยาบาล หรือครอบครัวที่ต้องผู้ดูตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึง 2-3 ขวบ ตั้งเป้าเดือนละกว่าหมื่นเครื่อง
ในตลาดอุปกรณ์สวมใส่ หรือwearable นอกจากสมาร์ทวอทช์ที่สวมใส่ขณะออกกำลังกายที่มีฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการวัดชีพจรการเต้นของหัวใจ หรือแม้แต่วัดค่าความดันโลหิต ทั้งยังเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อประโยชน์ในการบันทึกข้อมูล โดยลักษณะการใช้งานจะมุ่งตอบโจทย์คนในวัยทำงานหรือนักศึกษาผู้ชื่นชอบการออกกำลังกายเป็นส่วนใหญ่ ตลาดจึงยังมีช่องว่างให้กับอุปกรณ์สวมใส่ที่จะมาจับตลาดพ่อและแม่ที่ต้องการอุปกรณ์ไฮเทคโนโลยีที่จะมาเป็นผู้เฝ้าดูแลลูกหลานของตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง
ภัทร ศรีวิไล Product Director บริษัท โพโมะเฮาส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้พัฒนา POMO Bebeขึ้นด้วยความต้องการให้เป็นอุปกรณ์ที่จะมาช่วยพ่อแม่ดูแลบุตรหลานที่เป็นเด็กทารกอย่างใกล้ชิดได้ตลอดเวลา โดยจุดเริ่มต้นของการพัฒนาเป็นไปตามแนวคิด 'BABYSGODFAIRY' หรืออุปกรณ์ที่เป็นเสมือนนางฟ้าที่คอยปกป้อง ดูแลลูกน้อยของคุณตลอด 24 ชั่วโมง ฟังก์ชั่นหลักของการดูแลคือ วัดอุณหภูมิร่างกาย ตรวจสอบการนอนหลับ และระบบป้องกันเด็กหาย
'โปรดักส์ของเราคิดขึ้นจากปัญหาที่มีอยู่เป็นอย่างไร และเราจะตอบโจทย์ของปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร ในช่วงที่เกิดการระบาดของไข้ในเด็ก ไม่ว่าจะเป็นโรคมือเท้าปาก หรือโรคซาร์ส พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากได้ผู้ช่วยหรืออุปกรณ์ที่จะมาคอยดูแลลูกหลานตลอดเวลา จากเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ เปลี่ยนมาเป็นใช้การวัดด้วยเซ็นเตอร์ซึ่งจะสะอาดและปลอดภัยกว่า'
ทั้งนี้การทำงานหลักของPOMO Bebe ประกอบไปด้วย 1.Baby Temperature ซึ่งจะสามารถวัดอุณหภูมิร่างกายเด็กได้ตลอดเวลา โดยสแกนอุณหภูมิหน้าผาก หลังจากนั้นอุปกรณ์จะทำการสั่นเตือน และแสดงค่าที่หน้าจอ โดยสามารถดูข้อมูลย้อนหลังได้อีกด้วย 2.Milk Temperatureเพิ่มความมั่นใจและความห่วงใยว่าลูกน้อยของเราจะได้ดื่มนมที่อุณหภูมิเหมาะสม เพราะแม่ยุคปัจจุบันต้องปั๊มนมและใส่ตู้เย็นไว้ เป็นสต็อกจำนวนมาก POMO Bebe จะเป็นผู้ช่วยได้อย่างดี โดยเขย่า POMO Bebe เพียง 2 ครั้งและชี้ไปที่ขวดนมเพื่อวัดค่า โดยอุณหภูมิจะปรากฏที่หน้าจอว่าอยู่ในระดับไหนเหมาะกับทารกหรือยัง รวมทั้งยังสามารถวัดอุณหภูมิที่เหมาะสมอื่นๆได้เช่น อาหาร หรือของเหลวอื่นๆเช่นน้ำที่จะใช้อาบ
3.Room Temperatureเป็นฟังก์ชั่นที่ใช้วัดอุณหภูมิห้อง เพื่อให้รู้อุณหภูมิ หรือสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพที่ดีของลูก สามารถวัดได้ทั้งอุณหภูมิห้องและอุณหภูมิในรถ 4.Movement Tracking เป็นการบันทึกการเคลื่อนไหว เพื่อดูพัฒนาการของลูกตลอดเวลา เพียงเปิดแอปพลิเคชั่น POMO Bebe และติดคลิปแม่เหล็กไว้ที่เอวหรือหน้าท้องของเด็กระบบจะทำการบันทึกและเก็บข้อมูลสุขภาพเด็กในช่วง 10 วันที่ผ่านมา
5. Sleep Quality เป็นฟังก์ชั่นตรวจสอบการนอนหลับของลูกน้อยว่าหลับสนิทหรือไม่ ผ่านแอปพลิเคชั่น ในกรณีที่เด็กหลับนาน 10 ชั่วโมงก็จริงแต่ทำไมยังงอแง แม่ก็จะดูได้ว่าใน 10 ชั่วโมงนั้นเป็นการหลับสนิทจริงๆกี่ชั่วโมง 6.Sleep temperature alert พ่อแม่ จะสามารถวัดอุณหภูมิของลูก และอุณหภูมิรอบข้างได้ขณะนอนหลับ หากผ้าห่มหลุดออกจากตัวเด็กอุณหภูมิร่างกายจะลดลงอย่างรวดเร็วหรือต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียสจะมีการแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟน และ7. Find-Me เป็นระบบป้องกันเด็กหาย POMO Bebe ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของลูกน้อย โดยพ่อแม่จะได้รับแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนเมื่อเด็กอยู่ห่างเกิน 15 เมตร
ภัทร กล่าวว่า เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่จะใช้งานกับเด็กทารก ทางบริษัทจึงต้องใช้เวลาในการพัฒนา POMO Bebe นานพอสมควร และผ่านมาตรฐาน FTA จากอเมริกา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นมีความปลอดภัยชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่มีความเหมาะสมเด็กไม่สามารถกลืนลงท้องได้ แมกเน็ตที่ใช้เป็นนาโนซึ่งเป็นแม่เหล็กคุณภาพดีที่สุดในตลาดปัจจจุบันรวมทั้งในเรื่องการใช้คลื่นหรือสัญญาณก็ไม่เป็นอัตรายกับเด็กทารก
พื้นฐานการพัฒนาผลิตภัณฑ์จะอยู่บนคอนเซ็ปต์ IOT ที่อิงกับการใช้งานเพื่อครอบครัวและสุขภาพเป็นหลัก โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าเป็น สถานเนอร์สเซอรี่ สถานพยาบาล ซึ่งต่างจากwearableแบบอื่นอย่างการ์มิน หรือ ฟิทบิต ที่เน้นการดูแลตัวเองโดยใช้เมื่อออกกำลังกายเป็นหลัก
ลักษณะการทำงานคือติด POMO Bebeไว้ที่กางเกงเด็ก เครื่องจะทำงานโดยวัดอุณหภูมิ ดูมูฟเมนต์ แทร็กกิ้ง เป็นกราฟขึ้นมาดูว่าเด็กมีแอ็กทิวิตี้อย่างไรในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ ดูการนอนของเด็กว่านอนนานกี่ชั่วโมง เก็บเป็นของมูลเปรียบเทียบได้ หรือเป็นบลูทูธสื่อสารไปยังสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชั่นที่สามารถโหลได้ทั้ง IOS 7.0 และAndroid 4.1 ขึ้นไป โดยจะมีการอัปเดทแอปอยู่ตลอดเวลา หรือใช้งานเดี่ยวๆแบบไม่ต้องส่งข้อมูลมาที่สมาร์ทโฟนก็ได้อย่างวัดอุณหภูมิไข้ กับอุณหภูมินม โดยไม่ต้องมีการเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตแต่อย่างใด
'POMO Bebe จะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้แม่รู้จักเด็กได้มากขึ้น อาจจะดูแลเด็กและให้ข้อมูลได้มากกว่าพี่เลี้ยงเด็กที่เมื่อผู้ปกครองถามว่าเด็กหลับสนิทไหม แน่นอนต้องได้คำตอบว่าหลับดีแต่ POMO Bebeจะตอบคำถามได้ด้วยข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้เป็นตัวยืนยัน'
POMO Bebe ขายในราคา 2,990 บาท ชาร์จแบต 1 ครั้งใช้งานจริงได้ 7 วันหรือสแตนด์บายได้ 30 วัน โดนน้ำได้แต่กันน้ำไม่ได้ มีสีฟ้าสีเดียวกลุ่มเป้าหมายเป็นเด็กแรกเกิด ถึง 2 ขวบ ขายผ่าน ทีจีโฟน บานาน่าไอที บีทูเอส นอกจากทำตลาดในเมืองไทยแล้ว ในต่างประเทศอย่าง อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ขายผ่านร้านขายยา เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการเทอร์โมมิเตอร์แต่มีศักยภาพมากกว่าหลายเท่าซึ่งทุกครอบครัวควรมีไว้ติดบ้าน