แอสเซนด์ กรุ๊ป เปิดแพลตฟอร์ม “WeMall” ยกระดับเป็นแหล่งรวมร้านค้าแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมนำ 3 เทรนด์สำคัญมาใช้เพื่อช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงลูกค้าได้สะดวกขึ้น คาดสิ้นปีมีแบรนด์ร้านค้าเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 250 แบรนด์ จากการทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท ก่อนขยายเข้าสู่ภูมิภาคภายในปีหน้า
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยว่า มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด มูลค่ารวมของตลาดอีคอมเมิร์ซในกลุ่มบิสสิเนสไปยังคอนซูเมอร์ อยู่ที่กว่า 5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนราว 2% จากตลาดค้าปลีกในประเทศ ในขณะที่สหรัฐฯ อยู่ที่ราว 7.1% และจีน 15.9%
“เหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดออนไลน์ยังมีการเติบโต แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ค่อยดี เพราะผู้บริโภคเลือกช่องทางที่ประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ช่องทางออนไลน์เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก ขณะเดียวกัน ธรรมชาติของสินค้าออนไลน์ก็จะทำให้ผู้บริโภคได้สินค้าในราคาที่ถูกกว่าออฟไลน์”
ส่วนตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย เชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้อีก 30-40% อย่างแน่นอน แต่ทาง WeMall คาดว่า จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเหตุที่ไม่ทำให้อีคอมเมิร์ซเติบโตแบบก้าวกระโดดในประเทศไทย คือ ระบบการชำระเงิน เพราะในตลาดปัจจุบันกว่า 60% ยังเป็นการชำระเงินสดเมื่อได้รับสินค้า ขณะที่ใน WeMall จะมีสัดส่วนอยู่ราว 15% ดังนั้น การมาของพร้อมเพย์ (PromptPay) น่าจะเข้ามาช่วยส่งเสริมในจุดนี้
ขณะที่เทรนด์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ คือ การมาของอุปกรณ์พกพา เพราะในประเทศไทยสัดส่วนผู้ใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นจาก 43% เป็น 61% ในปัจจุบัน และจากสถิติการซื้อขายโทรศัพท์ในปัจจุบัน 9 ใน 10 เครื่องเป็นสมาร์ทโฟน ทำให้เชื่อว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า สัดส่วนสมาร์ทโฟนน่าจะขึ้นไปสูงถึง 80-90%
“ปัจจุบัน สัดส่วนการซื้อขายออนไลน์ผ่านสมาร์ทโฟนในประเทศไทยจะอยู่ที่ราว 49% แต่ทางแอสเซนด์กรุ๊ป จะอยู่ที่ 69-70% ทำให้เห็นโอกาสที่ดีในการเร่งขยายด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชันที่มาช่วยเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่ให้บริการผ่านหน้าเว็บไซต์สำหรับมือถือเท่านั้น”
ส่วน 3 คีย์เทรนด์สำคัญในตลาดอีคอมเมิร์ซที่จะเห็นได้ชัดขึ้นในปี 2017 คือ การมาของ 1.Omni Channel ลูกค้าก็สามารถติดต่อกับแบรนด์ได้ในทุกๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการค้นเจอร้านค้าจากช่องทางออนไลน์ จนนำไปสู่การซื้อขายที่หน้าร้านแบบออฟไลน์ หรือการที่มีหน้าร้านแบบออฟไลน์ แต่ใช้การสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ที่ผสมผสานกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
“อีเกีย (IKEA) ถือเป็นแบรนด์ที่ใช้ช่องทางได้อย่างน่าสนใจ เนื่องจากลูกค้าก่อนที่ตัดสินใจไปยังสโตร์ สามารถเข้าไปดูผลิตภัณฑ์ที่สนใจก่อนได้ ทั้งจากหนังสือแคตาล็อก หรือบนอุปกรณ์พกพา ก่อนไปซื้อสินค้าที่หน้าร้านได้ทันที หรือกรณีที่สินค้าในสโตร์หมดก็สามารถใช้การสั่งซื้อออนไลน์จากอีกสโตร์ เพื่อให้ไปส่งสินค้าที่บ้าน หรือเลือกไปรับสินค้าก็ได้เช่นเดียวกัน”
ถัดมา คือ 2.Mass Personalization สามารถแนะนำลูกค้าได้ในสิ่งที่ต้องการ ไปจนถึงขั้นตอนการจับจ่ายใช้สอย ซึ่ง อเมซอน (Amazon) ถือเป็นแบรนด์ที่น่าสนใจในการทำรูปแบบดังกล่าว ด้วยการคัดเลือกสินค้าที่เหมาะกับแต่ละบุคคล ทำให้แบรนด์สามารถกระตุ้นยอดขายด้วยสินค้าใหม่ๆ ได้ดีที่สุด ด้วยการทำโปรโมชันเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเฉพาะที่มีความต้องการ โดยรายได้ของอเมซอนกว่า 33% มาจากการแนะนำสินค้า
3.Real-time Analytics จากเทคโนโลยีในปัจจุบันที่สามารถนำคลังข้อมูลที่สะสมมาวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง และสามารถสร้างข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ในการนำเสนอสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ด้วยการดูพฤติกรรมนำเสนอโปรโมชันเพิ่มเติม ให้ส่วนลดเพิ่มกรณีที่เลือกดูสินค้าแล้วไม่ซื้อ
“Wish ถือเป็นแอปพลิเคชันที่น่าสนใจ ซึ่งนำระบบการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์มาใช้งาน ด้วยการนำเสนอสินค้าจากประเทศจีน มานำเสนอให้ตรงกับความต้องการของแต่ละบุคคล พร้อมมีการแนะนำโปรโมชันเฉพาะเจาะจงให้แก่ลูกค้า เพื่อเปลี่ยนจากผู้ที่ค้นหาสินค้าเป็นผู้ซื้อให้ได้”
จาก 3 เทรนด์นี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้เกิด WeMall ด้วยการนำ 3 ระบบดังกล่าวมาให้แก่ร้านค้า และลูกค้า ส่งผลให้ WeMall กลายเป็นแพลตฟอร์มแห่งแรกที่เป็นแบรนด์เนมแห่งแรกในประเทศไทย ในเบื้องต้น WeMall ตั้งเป้าที่จะเพิ่มแบรนด์ร้านค้าให้เป็น 250 แบรนด์ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีแบรนด์ที่เข้าร่วมอยู่ราว 60 แบรนด์ ด้วยงบการตลาด 300 ล้านบาท ซึ่งจะรวมร้านค้าจาก iTuremart เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งภายใน WeMall ด้วย
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ที่เพิ่งเปิดให้ทดลองใช้มีลูกค้าเข้ามาใช้แล้ว 2 ล้านราย เฉลี่ย 1 แสนรายต่อวัน มีการจัดส่งสินค้าไปแล้วกว่า 60,000 ชิ้น จากจำนวนสินค้ากว่า 15,000 รายการจาก 1,100 แบรนด์สินค้า โดยแบ่งเป็น 9 กลุ่มหลัก ได้แก่ ความงามและสุขภาพ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์และแล็บท็อป ไลฟ์สไตล์ แม่และเด็ก โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต กล้อง แก็ตเจ็ต
สำหรับเหตุผลที่ใช้แบรนด์ WeMall เกิดมาจากการที่ทางแอสเซนด์ เริ่มใช้แบรนด์ We ในหลายๆแพลตฟอร์ม เริ่มมาจาก WeLoveShopping และในอนาคตก็จะมีอีกหลายๆ We ตามมา ซึ่งเป็นแผนที่ทำไว้เพื่อขยายไปยังบริการอื่นๆ ในอนาคต รวมถึงการรุกเข้าไปยังตลาดภูมิภาคของทางแอสเซนด์ กรุ๊ป ในช่วงปีหน้าด้วย
Company Relate Link :
WeMall