รมว.ไอซีที เผยกลางวงเสวนา “กฎหมายดิจิตอล ความหวังสู่การปฏิรูป” เร่งผลักดันกฏหมายดิจิตอลให้เริ่มบังคับใช้ได้กลางปีนี้ หวังสอดรับต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล พร้อมจับมือเอกชนร่วมประสานการทำงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ชี้ พ.ร.บ.ใหม่ไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่มากเกินไป ทุกอย่างต้องมีการตรวจสอบที่เหมาะสม
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวในงานเสวนา “กฎหมายดิจิตอล ความหวังสู่การปฏิรูป” ซึ่งจัดโดยสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวงไอซีที และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า การผลักดันกฎหมายดิจิตอลทั้งหมดที่กำลังดำเนินการอยู่ในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น จะทยอยมีผลบังคับใช้ภายในกลางปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องต่อการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมดิจิตอล
ทั้งนี้ ตามนโยบายของรัฐบาลต้องการให้มีการพัฒนากฎหมายไอซีทีให้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนนวัตกรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต ด้วยการส่งเสริมให้มีการเข้าถึง และใช้นวัตกรรมโดยเท่าเทียมกันไม่มีความแตกต่าง ตลอดจนจะมีแนวทางพัฒนาที่ไม่ได้คำนึงถึงแต่เทคโนโลยีเท่านั้น แต่จะมองถึงบริบททางสังคมว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไรในการพัฒนาประเทศให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน
เช่นเดียวกับทางด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่รัฐบาลจะออกกฎหมายในการป้องกันภัยคุกคามต่อระบบเศรษฐกิจ และระบบสังคมนั้น บทบาทของภาครัฐจะสนับสนุน และประสานกับภาคเอกชนที่มีเทคโนโลยีนำนวัตกรรมไปสู่ภาคประชาชนซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ โดยโครงการใดที่รัฐบาลเห็นว่าหากลงทุนแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน รัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนเอง
“กรณีที่มีความกังวลว่า พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นนี้จะมีการให้อำนาจต่อเจ้าหน้าที่เกินไป ซึ่งกรณีที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถอนรหัส SSL (Secure Sockets Layer) บนอินเทอร์เน็ตของบริษัทต่างๆ ได้ โดยไม่ต้องรอคำสั่งศาลนั้น มองว่า ในส่วนนี้จะต้องมีการตรวจสอบ และให้อำนาจเจ้าหน้าที่เป็นกรณีไป และมีลำดับขั้นตอนในการตรวจสอบที่เหมาะสม”
นายสุธรรม อยู่ในธรรม ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที กล่าวว่า กฎหมายใหม่ที่บรรจุเข้าไปนั้นมีบางส่วนที่นำมาจากกฎหมายจากประเทศฝรั่งเศส เนื่องจากเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ประกาศตัวที่จะเป็นประเทศดิจิตอลเช่นกัน และมีกฎหมายด้านดิจิตอลชัดเจน ซึ่งในกฎหมายได้ระบุโครงสร้างให้เน้นไปที่วัฒนธรรมดิจิตอล ส่วนอีกประเด็นที่หลายฝ่ายให้ความสนใจกัน คือ เงินในการนำมาพัฒนาดิจิตอลของประเทศที่ส่วนหนึ่งมาจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส.) นั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่กฎหมายต้องกำหนดให้ชัดเจนในการนำเงินมาใช้พัฒนาดิจิตอลในอนาคตของประเทศ
ด้าน พล.อ.ต.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ รองเลขาธิการสายงานบริหารคลื่นความถี่และภูมิภาค สำนักงาน กสทช. กล่าวว่า หากการดำเนินการด้านกฎหมายเป็นรูปธรรม และเห็นผล จะทำให้การวางแผนบริหารจัดสรรคลื่นมีความชัดเจน และเอกชนเองสามารถวางแผนในการนำคลื่นไปใช้งานได้อย่างมีทิศทาง ส่งผลให้การพัฒนาของประเทศเดินหน้าได้เร็วขึ้น และทำให้การพัฒนาด้านดิจิตอลมีประสิทธิภาพที่สุด
เช่นเดียวกับที่ นายประสงค์ เรืองศิริกูลชัย อุปนายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า อยากให้กฎหมายที่จะออกมาเป็นตัวปลดล็อกมากกว่าจะมาบล็อกให้การพัฒนาดิจิตอลของประเทศเป็นไปได้ช้า เพราะถ้ากฎหมายออกมามีความชัดเจน และช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่เคยเป็นอุปสรรคในการพัฒนา ก็จะเป็นผลดีอย่างมากสำหรับประเทศ เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไวด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ กฎหมายก็ต้องตามให้ทันต่อยุคที่เปลี่ยนไป
