xs
xsm
sm
md
lg

เอชพีชูแนวคิด “One Life” รุกตลาด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอชพี อิงค์ โชว์สินค้า 2 กลุ่มใหญ่ เสริมแกร่งด้านนวัตกรรม ลั่นเดินหน้าผสานวิถีชีวิต และการทำงานบนนวัตกรรมใหม่ ด้วยแนวคิด “One Life” ครอบคลุมตั้งแต่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่บาง และเบาที่สุด รวมทั้งแพลตฟอร์มรุ่นใหม่ที่เอื้อต่อการใช้คอมพิวเตอร์พกพา ตลอดจนนวัตกรรมการพิมพ์ ชูการใช้พลังงานที่ยั่งยืน ควบคู่การพัฒนาเทคโนโลยี ตั้งเป้าเป็นองค์กรใช้พลังงานหมุนเวียน 100%

เอชพี เปิดตัวนวัตกรรมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใหม่ล่าสุด ในงาน “HP Media Launch 2016” ที่เขตปกครองพิเศษมาเก๊า ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ชูแนวคิดด้านการทำงาน และวิถีชีวิตให้บรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว ภายใต้แนวคิด “One Life” เพื่อสลายขอบเขตที่มากั้น 2 ส่วนนี้ให้หายไป ทำให้สถานที่ทำงานกลายเป็นทุกที่ ขอเพียงแค่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เท่านั้น และทำให้มีรูปแบบร่วมกันระหว่างงาน และการใช้ชีวิตมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ตามเทรนด์ของแรงงานมิลเลนเนียนในปัจจุบันที่ต้องการเทคโนโลยีมาตอบสนองทั้งด้านธุรกิจ และความต้องการส่วนตัว

แอนเนลีส โอลเซ่น ผู้จัดการทั่วไป และรองประธานบริหาร ธุรกิจคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล เอชพี ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า คนรุ่นมิลเลนเนียนไม่เพียงต้องการอุปกรณ์ที่ดูทันสมัย สวยงามสะดุดตา และช่วยให้มีอิสระในการสร้างแรงบันดาลใจ และสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ แต่ยังต้องมีความปลอดภัยเพียงพอสำหรับการทำงาน และช่วยให้ทำงานร่วมกันได้อย่างสะดวก เอชพี จึงผลักดันเรื่องการออกแบบ การผลิต การรักษาความปลอดภัย และความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมที่ตอบสนองแนวคิด One Life เพื่อรวมการทำงาน และความบันเทิงไว้ในหนึ่งเดียว

*** มากกว่าแล็ปท็อปแบบเดิมๆ

แนวทางการออกแบบอุปกรณ์ และแพลตฟอร์มของเอชพีจึงมุ่งเน้นไปที่ความเบา ความบาง และสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้พกพาไปด้วยทุกที่อย่างสะดวก โดยในงานเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่มีไฮไลต์เริ่มตั้งแต่ HP Spectre แล็ปท็อปพรีเมียมที่ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามในเฉดสีทองแดง ตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียม CNC เป็นแล็ปท็อปที่บางที่สุดในโลก บางเท่ากับถ่าน AAA แต่มีประสิทธิภาพการทำงานเต็มรูปแบบ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุดถึง 9 ชั่วโมงครึ่ง ช่วยให้พร้อมทำงานแบบมืออาชีพในทุกสถานที่ แตกต่างจากแล็ปท็อปขนาดบางในรุ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดอย่างสิ้นเชิง

ขณะที่ HP EliteBook Folio เป็นแล็ปท็อปสำหรับใช้งานธุรกิจที่บาง และเบาที่สุดเท่าที่เอชพีเคยผลิตมา ด้วยความหนาเพียง 12.4 มิลลิเมตร และหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม โดยมาพร้อมกับความแข็งแกร่งเพื่อรองรับการใช้งานทางธุรกิจที่หนักหน่วง พร้อมมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย และการบริหารจัดการที่สะดวกง่ายดายไม่เป็นรองใคร

เอชพี ยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ของการทำงานในทุกที่ด้วย HP Elite x3 โมบายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก พร้อมชุดคิตเพื่อขยายความสามารถให้กลายเป็นแล็ปท็อป และเป็นโมบายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก สำหรับธุรกิจรุ่นแรกที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 ซึ่งนับเป็นการปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานโมบายคอมพิวติ้ง ให้กลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของ phablet, laptop และ desktop รวมไว้ในหนึ่งเดียว โดยผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างรูปแบบเดสก์ท็อป แล็ปท็อป หรือโทรศัพท์มือถือได้อย่างสะดวกง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลว่าจะใช้อุปกรณ์ไหนในสภาพแวดล้อมแบบใด พร้อมระบบไบโอเมตริกส์ (biometrics) เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์ ซึ่งเพิ่มการป้องกันอีกชั้นสำหรับลูกค้าองค์กร ช่วยให้ผู้ใช้เรียกใช้แอปพลิเคชันประเภท productivity apps หลักๆ ได้อย่างคล่องตัวในทุกสถานที่

*** นวัตกรรมการพิมพ์ล้ำหน้า

ด้าน ริชาร์ด เบลีย์ ประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เอชพี อิงค์ กล่าวถึงนวัตกรรมด้านการพิมพ์ของเอชพีว่า HP PageWide Technology จะเปลี่ยนโฉมหน้าเทคโนโลยีการพิมพ์สำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMB) ที่ต้องการโซลูชันที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และความปลอดภัยในราคาที่เหมาะสม หรือองค์กรที่ต้องเผชิญต่อความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในเครือข่ายที่ซับซ้อน

ทั้งนี้ HP PageWide Technology เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว โดยสามารถปรับขีดความสามารถเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ และผ่านการทดสอบการผลิตงานพิมพ์ดิจิตอลคุณภาพมาแล้วกว่า 140 พันล้านหน้า จากเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์สำหรับงานพิมพ์ขนาดใหญ่ (large format printer) เครื่องพิมพ์ระบบ web press และพัฒนาสู่เครื่องพิมพ์ขนาด A4 รุ่นใหม่ โดยในต้นปีหน้า เอชพียังจะขยายตลาดของ PageWide Technology สู่ตลาดเครื่องถ่ายเอกสารในกลุ่มเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชัน (MFP) สำหรับขนาด A3 อีกด้วย

สำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์สำหรับธุรกิจ HP PageWide ใหม่ จะจัดจำหน่ายผ่านคู่ค้าด้านช่องทางจำหน่าย (channel partners) และร้านค้าปลีกที่ได้รับการแต่งตั้ง นอกจากนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวยังเพิ่มจำนวนของอุปกรณ์ประเภท managed devices (อุปกรณ์ที่องค์กรควบคุมได้) ที่ออกแบบมาสำหรับคู่ค้าด้านช่องทางจำหน่ายที่ทำสัญญากัน และผ่านบริการ managed print services เครื่องพิมพ์ HP PageWide ที่ให้บริการโดยทำสัญญาเหล่านี้ช่วยให้คู่ค้าด้านช่องทางจำหน่ายของเอชพีสามารถให้บริการด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำด้วยซัปพลายของเอชพี รวมถึงการรับประกันหัวพิมพ์ 3 ปี ความเร็วในการพิมพ์ที่สูงขึ้น และปริมาณการพิมพ์ต่อเดือน (RMPV) ที่สูงขึ้นในบางรุ่น ตลอดจนการทำงานเข้ากันได้กับระบบ HP JetAdvantage Management และเครื่องมือต่างๆ ของผู้ผลิตที่เป็นบุคคลที่สาม

โดยเครื่องพิมพ์ HP PageWide ที่เปิดตัวสำหรับธุรกิจใหม่มีทั้งซีรีส์ HP PageWide Enterprise Color รุ่น HP PageWide Enterprise Color 556 และ HP PageWide Enterprise Color MFP 586 สำหรับการพิมพ์ในลักษณะ work groups printing ของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซีรีส์ HP PageWide Pro 500 รุ่น HP PageWide Pro 552dw และ HP PageWide Pro MFP 577dw สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก ซีรีส์ HP PageWide Pro 400 มีรุ่น HP PageWide Pro 452dw และ HP PageWide Pro MFP 477dw สำหรับธุรกิจขนาดเล็กเช่นกัน

*** ผนวกรวมเทคโนโลยีและพลังงานยั่งยืนเป็นนวัตกรรมโลก

เอชพี อิงค์ ชูบทบาทของพันธกิจด้านความยั่งยืนที่ทำมาอย่างยาวนาน ด้วยปฏิญาณว่าจะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 100% ในการปฏิบัติงานทั่วโลก โดยได้เข้าร่วม RE100 ซึ่งเป็นโครงการที่มุ่งมั่นจะใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งหมด 100% ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อช่วยให้ธุรกิจเหล่านั้นเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียน กระตุ้นให้ตลาดพลังงานโลกเกิดการเปลี่ยนแปลง และขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยใช้คาร์บอนต่ำ ซึ่งเป้าหมายขั้นต้น เอชพีได้วางแผนปรับเปลี่ยนการใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนในการปฏิบัติงานทั่วโลกให้ได้ถึง 40% ในปี 2563

ริชาร์ด เบย์ลีย์ ประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น เอชพี อิงค์ กล่าวย้ำว่า เทคโนโลยี และความยั่งยืนสามารถผนวกรวมกันเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังที่ก่อให้เกิดนวัตกรรม ซึ่งช่วยเปลี่ยนรูปแบบการเติบโตของธุรกิจ ชุมชน และปัจเจกบุคคล เอชพียังคงสร้างธุรกิจ และสังคมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงด้วยการใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานที่ล้ำหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการก้าวไปสู่การเป็นธุรกิจที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนทั้งหมดด้วย

ทั้งนี้ เอชพี อิงค์ จะใช้กลยุทธ์ 3 ขั้นต่อไปนี้เพื่อก้าวไปสู่จุดหมาย 1.ลดการบริโภคพลังงานด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน/การใช้งานอาคาร และการดำเนินงานโครงการใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 2.เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียนที่แหล่งกำเนิด (on-site) 3.สร้างพลังงานหมุนเวียนภายนอกสถานที่ (off-site) เพื่อสร้างสมดุลให้แก่การปล่อยพลังงานสีน้ำตาล รวมถึงการใช้เครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (RECs) และสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPAs) นับเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีกลุ่มแรกๆ ที่มีการวัด และพิมพ์สลากคาร์บอนฟุตพรินต์ และตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนตลอดทั้งห่วงโซ่ value chain ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติงาน ผลิตภัณฑ์ และห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด
กำลังโหลดความคิดเห็น