แคนนอน เผยผลประกอบการในปีที่ผ่านมาว่าอยู่ในสภาวะทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจยังคงไม่ดี แต่น่าจะเติบโตได้ 2% พร้อมรุกตลาดกลุ่มองค์กรธุรกิจ หลังเห็นโอกาสการเติบโตมากกว่าตลาดลูกค้าทั่วไป พร้อมส่งแคมเปญ “Canon Ecolism” เน้นเทคโนโลยีทันสมัยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สื่อสารให้ลูกค้าเห็นความสำคัญต่อคุณภาพของสินค้า และการรักษาสิ่งแวดล้อม ชี้ไทยเป็นฐานการผลิตหลักที่มีโรงงานผลิตถึง 3 แห่ง พร้อมผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ และส่งออกไปทั่วโลก
นายฮารุกิ เทราฮิระ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวในโอกาสพาสื่อมวลชนเยี่ยมชมโรงงานที่ จ.ปราจีนบุรี ว่า ในปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจในเมืองไทยยังไม่ค่อยดีเท่าไร ทำให้ลูกค้าลดการใช้จ่ายลง ในส่วนผลประกอบการของแคนนอนประเทศไทยในปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องถ่ายเอกสารยังมีอัตราการเติบโตอยู่โดยเฉพาะตลาดองค์กร แต่เมื่อมองภาพรวมทั้งธุรกิจแล้วไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาโดยคาดว่าธุรกิจภาพรวมในปีนี้จะเติบโตประมาณ 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ในปีนี้คาดว่าในส่วนของตลาดองค์กรน่าจะมีการเติบโต ส่วนตลาดลูกค้าทั่วไปอาจจะต้องมีโปรโมชัน และกลยุทธ์การตลาดเพิ่มขึ้น ล่าสุด แคนนอนจัดแคมเปญ Canon Ecolism เพื่อสื่อสารให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายในประเทศไทยเข้าถึงหัวใจหลักของแคนนอนที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพสินค้า ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของวงจรสินค้า ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ การจัดซื้อ การผลิต การขนส่ง การออกแบบฟังก์ชันการใช้งาน ไปจนถึงการรีไซเคิล
“แคนนอนให้ความสำคัญในการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้ทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้สำนักงานมัลติฟังก์ชันที่นอกจากจะตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้ทุกระดับแล้ว ยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติตามปรัชญา เคียวเซ ที่มุ่งเน้นเรื่อง การใช้ชีวิตและการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์สุขของส่วนรวม โดยที่ผ่านมา แคนนอน ได้เน้นการออกแบบสินค้าให้เล็กลง จึงสามารถลดขนาดของกล่องบรรจุภัณฑ์ลง สามารถช่วยทางด้านการขนส่งได้มากขึ้น และลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการกินไฟให้ลดลง นอกจากนี้ ยังเน้นชิ้นส่วนรีไซเคิลที่มากขึ้น รวมไปถึงการใช้ฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้ามีความประหยัดได้มากขึ้น”
นายฮารุกิ กล่าวว่า ปัจจุบัน แคนนอนมีฐานการผลิตทั่วโลกทั้งหมด 50 แห่ง โดยโรงงานผลิตในเมืองไทย 3 แห่ง ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค อยุธยา มีพนักงาน 4,800 คน และนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค นครราชสีมา มีพนักงาน 5,500 คน และโรงงานปราจีนบุรี มีพนักงาน 4,700 คน ในส่วนของโรงงานปราจีนบุรี ที่ได้พาเข้าเยี่ยมชมนั้นทำการผลิตเครื่องถ่ายเอกสารทั้งหมด 4 รุ่น แบ่งเป็นเครื่องพิมพ์ขาวดำ 3 รุ่น เครื่องพิมพ์สี 1 รุ่น
ด้าน นายวรินทร์ ตันติพงศ์พาณิช รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์ บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปีนี้ ในส่วนของตลาดคอนซูเมอร์อย่างผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพนั้นจะเน้นการสนับสนุนให้ผู้บริโภคสนใจเรื่องการถ่ายภาพมากขึ้น เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อิงก์เจ็ต พรินเตอร์ที่แคนนอนได้เตรียมกลยุทธ์รุกตลาดเพิ่มมากขึ้น ด้วยพรินเตอร์แท็งก์แท้ในการบุกตลาด ส่วนผลิตภัณฑ์เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องพิมพ์อุตสาหกรรมนั้น จะรุกตลาดองค์กรมากขึ้น โดยจะเน้นการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น เนื่องจากมองเห็นอัตราการเติบโตในตลาดนี้
ทั้งนี้ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์กลุ่ม B2C ทั้งเครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชัน เครื่องพิมพ์หน้ากว้าง และพรินเตอร์ อิงก์เจ็ตของแคนนอน คือ การมีเทคโนโลยี และโซลูชันที่ช่วยให้การทำงานในองค์กรทุกระดับมีประสิทธิภาพสูงสุด สะดวก และรวดเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน โดยแคมเปญ Canon Ecolism แคนนอนจะสื่อสารให้ผู้บริโภคได้รู้จักกับเทคโนโลยีที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ เครื่องถ่ายเอกสารมัลติฟังก์ชัน เครื่องพรินเตอร์ และเครื่องพิมพ์หน้ากว้างแคนนอน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ฟังก์ชัน Staple Free Stapling เย็บกระดาษเป็นชุดโดยอัตโนมัติในตัวเครื่อง ลดการใช้ลวดเย็บกระดาษ
การใช้ LED ที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากกว่า และปราศจากสารตะกั่ว (Lead-Free) ผ่านมาตรฐานควบคุมสารอันตรายตามมาตรฐานยุโรป RoHS ประหยัดพลังงาน และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย Advanced Color Rapid Fusing เทคโนโลยี On-Demand Fixing ทำให้พรินเตอร์ และเครื่องถ่ายเอกสารแคนนอน ใช้เวลาวอร์มเครื่องน้อยกว่า จึงพิมพ์แผ่นแรกได้เร็วขึ้น ลดการใช้ไฟฟ้าได้มากถึง 75% เมื่อเทียบกับเครื่องพรินเตอร์ที่ใช้ระบบ Roller-Fixing Systems แบบปกติ