รมว.ไอซีที เผยเคารพการตัดสินใจ กสทช.เรื่องราคาเริ่มต้นการประมูล ขณะที่ บอร์ด กทค.เตรียมถกหลักเกณฑ์การประมูล 31 มี.ค. ก่อนเสนอบอร์ด กสทช. 5 เม.ย.ด้านทรู-เอไอเอส ประสานเสียงลดราคาประมูลคลื่น 900 MHz ให้ทรู หากผู้ชนะการประมูลรายใหม่ได้ราคาที่ต่ำกว่าราคาที่แจสประมูล “สมชัย” ชี้ราคาที่แจสชนะธนาคารไม่กล้าปล่อยกู้ ทำหุ้นตกทั้งระบบ ด้าน “เศรษฐพงค์” ชี้เห็นใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่ทำได้เท่าที่ กม.ให้อำนาจไว้
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวในงานสัมมนา “4 จี มา ใครได้ประโยชน์” จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจว่า เรื่องราคาเริ่มต้นการประมูลคลื่น 900 MHz ครั้งใหม่นั้นต้องเป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการดำเนินการ ส่วนเรื่องกรณีการที่ บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ไม่ชำระค่าประมูลคลื่น 900 MHz ตนเองไม่สามารถให้ความเห็นได้ ต้องรอให้คณะทำงานประเมินค่าเสียหายที่ กสทช.ตั้งขึ้นมาสรุปข้อมูลออกมาก่อน
“กระทรวงยังได้เตรียมนำ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม หรือ พ.ร.บ.กสทช. 1 ใน 3 ฉบับ ที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นจะนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อไป เพื่อปรับปรุงให้ กสทช.ทำงานคล่องตัวขึ้น พร้อมกับการนำ พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิตอล เสนอ ครม.ด้วย”
ด้าน พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช. และประธานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) กล่าวว่า ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ คณะทำงานประเมินค่าเสียหายกรณีแจสไม่ชำระค่าประมูลจะประชุมนัดแรก ซึ่ง กสทช.จะไม่เข้าไปแทรกแซงการประชุม คงต้องรอให้ผลการประชุมออกมาก่อน
ขณะที่ในวันที่ 31 มี.ค. ที่ประชุม กทค.จะมีการประชุมเพื่อแก้ไขหลักเกณฑ์การประมูลคลื่น 900 MHz จากนั้นจะนำเสนอต่อที่ประชุม กสทช. วันที่ 5 เม.ย. เพื่ออนุมัติหลักเกณฑ์การประมูล จากนั้นจะนำไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เพื่อจัดประมูลให้ทันในเดือน มิ.ย.
“อีก 3 ปีข้างหน้า อุปกรณ์โมบายจะอืดขึ้น เนื่องจากแบนด์วิธไม่เพียงพอในการให้บริการ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ กสทช.ต้องทำ คือ การนำคลื่นที่มีมาประมูล ไม่ว่าจะเป็นคลื่น 900 MHz 2600 MHz และ 1800 MHz เป็นต้น”
ด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า กสทช.ควรนำคลื่นที่มีอยู่ในรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นๆ ออกมาประมูลให้เร็วที่สุด เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีหลังจากนี้จะไม่ใช่ยุคโมบายดิจิตอล แต่จะเป็นยุค Internet of Thing ( IoT) อุปกรณ์ทุกอย่างจะเป็นดิจิตอล 1 คนจะมีอุปกรณ์ดิจิตอลถึง 11 ชิ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น อะไรที่เป็นกฎระเบียบที่ยังติดขัดอยู่ไม่สามารถนำคลื่นมาประมูลได้ กสทช.ก็ควรดำเนินการแก้ไข
สำหรับราคาเริ่มต้นการประมูลคลื่น 900 MHz ครั้งใหม่ที่จะใช้ราคาที่แจสชนะประมูลไปนั้น สะท้อนให้เห็นว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป ธนาคารไม่กล้าปล่อยหนังสือค้ำประกันทางการเงิน (แบงก์การันตี) ขณะที่หลังประมูลเสร็จหุ้นกลุ่มโทรคมนาคมทุกบริษัทตกหมด โดยตนเองก็เห็นใจทรูที่ประมูลในราคาสูง หากผู้เข้าร่วมประมูลใหม่ประมูลได้ราคาต่ำกว่าทรู ดังนั้น จึงต้องการให้หน่วยงาน กสทช. หรือหน่วยงานรัฐทำกฎเกณฑ์อย่างไรก็ได้ที่ถูกกฎหมายลดราคาให้ทรูด้วย เพื่อสร้างความเป็นธรรม ส่วนเอไอเอสจะสนใจประมูลหรือไม่ ต้องบอกว่าเอไอเอสสนใจตลอดเวลา แต่ต้องดูกติกาที่เป็นทางการก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไร รวมถึงต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคณะกรรมการบริษัทด้วย
ด้าน นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากผู้เข้าร่วมประมูลรายใหม่ชนะการประมูลในราคาที่ต่ำกว่าแจสชนะการประมูล ตนเองก็ต้องขอความเป็นธรรมในการขอลดราคาค่าประมูลที่ชนะไปแล้วด้วย แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรทรูจะยังเดินหน้าลงทุนในการพัฒนา 4G เต็มที่ต่อไป ทรูมีหน้าที่สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน และตลาด ซึ่งมองว่า 4G เป็นโอกาสทำให้เกิดบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงทั่วประเทศ
ขณะที่ พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า กสทช.เข้าใจ และเห็นใจทั้งสองฝ่าย แต่ กสทช.ทำได้เต็มที่ตามที่กฎหมายสามารถจะทำได้เท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่ในรัฐบาลจะทำอย่างไรให้ได้บ้างก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า รู้สึกเสียใจที่กระแสสังคมว่าแต่ กสทช.
