ไซแมนเทค เผยมีโอกาสเติบโตทางธุรกิจในประเทศไทย เพราะกำลังขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม เตรียมรุกตลาดด้วยกลยุทธ์ Unified Security strategy ที่ประกอบด้วย 4 โซลูชันเจาะทุกตลาด ผ่านพาร์ตเนอร์หลักที่มีอยู่ประมาณ 15 ราย ล่าสุด ส่ง ATP โซลูชันในการจัดตรวจจับ และแก้ไขปัญหาภัยคุกคามขั้นสูง ด้วยคุณสมบัติเด่นสามารถสั่งการด้วยคลิกเดียวจากหน้าจอควบคุมเดียวกัน และไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง
นายซานเจย์ โรฮัดจิ รองประธานอาวุโส ไซแมนเทค เอเซียแปซิฟิค กล่าวว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพในการทำตลาดประเทศหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางด้านโทรคมนาคม ที่จะส่งผลให้ความปลอดภัยยิ่งกลายเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา ภัยคุกคามมีความซับซ้อน และมีความฉลาดมากขึ้น สามารถซ่อนตัวอย่างแนบเนียน ทำให้องค์กรธุรกิจทั้งภาครัฐ และเอกชนเริ่มให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากขึ้น เนื่องจากเกรงว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจ และอาจจะทำให้ธุรกิจหยุดชะงักไม่สามารถดำเนินการต่อได้
ผลการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า ไทยเป็นประเทศอันดับ 8 ของโลกที่โดนในเรื่องการคุกคามโซเชียลมีเดีย เพราะไทยมีการงานโซเชียลมีเดียสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ส่วนการโจมตีของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) นั้น ไทยอยู่ในอันดับที่ 12 มีการพบเจอ 2,504 ตัว ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง และเล็ก ปัจจุบัน ไซแมนเทคมีศูนย์ป้องกันไซเบอร์แอทแทค 6 แห่ง โดย 4 แห่งอยู่ในเอเชียแปซิฟิก และญี่ปุ่น โดยมีโกลบอลอินเทอริเจนต์เน็ตเวิร์ก เป็นศูนย์ข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อศึกษา และตรวจจับภัยคุกคามเหล่านี้
สำหรับการทำตลาดในปีนี้ไซแมนเทคพร้อมรุกตลาดเมืองไทยด้วยกลยุทธ์ Unified Security strategy ซึ่งแบ่งโซลูชันเป็น 4 ส่วน คือ 1.ไซเบอร์ซิเคียวริตี เซอร์วิส หรือการตรวจหาภัยคุกคาม และดำเนินการมอนิเตอร์ให้ลูกค้า ช่วยในการแก้ปัญหาให้ลูกค้าเร็วที่สุด 2.เธรด โพรเทคชัน ที่สามารถปกป้องได้ทั้งในส่วนของเน็ตเวิร์ก อีเมล เว็บ และดาต้าเซ็นเตอร์ โดยแต่ละส่วนสามารถจัดการผ่านคอนโซลเดียว 3.อินฟอร์เมชัน โพรเทคชัน เป็นส่วนของการป้องกันข้อมูล เพื่อไม่ให้สามารถนำข้อมูลออกไปใช้ด้านนอก และมีการเข้ารหัสข้อมูล และการให้สิทธิการใช้งาน และ 4.บิ๊กดาต้า อนาไลติก
นายซานเจย์ โรฮัดจิ กล่าวว่า ไซแมนเทคจะทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ และดิสทริบิวเตอร์ โดยขายผ่านช่องทางนี้ 80-90% โดยมีพาร์ตเนอร์โปรแกรม ซึ่งปัจจุบันมีพาร์ตเนอร์หลัก 15 ราย โดยจะโฟกัสในทุกตลาด เช่น ภาครัฐ โรงงานอุตสาหกรรม รีเทล สถาบันการเงิน และเอสเอ็มอี โดยได้เริ่มมีการทำโปรเจกต์ร่วมกับกับโมบายโอเปอเรเตอร์เกือบทุกรายในเมืองไทย รวมไปถึงกลุ่มตลาดหลักๆ ในตลาดองค์กร
“มัลแวร์เรียกค่าไถ่ (Ransomware) ที่ผ่านมา ล็อกแค่เครื่อง ตอนหลังล็อกไปถึงไฟล์ดิจิตอล ซึ่งไม่ได้เจอเฉพาะองค์กรอย่างเดียว แต่ลามไปถึงระบบไฟฟ้า ประปา กริดซิสเต็มส์ต่างๆ ออยแอนด์แก๊ส ที่ปัจจุบันธุรกิจเหล่านี้เชื่อมต่อผ่านไอพีอยู่แล้ว ประกอบกับนโยบายภาครัฐมีการตั้งสมาร์ทซิตี้ ที่จะเกิดที่ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก ที่จะทำให้มีอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ครอบคลุมในพื้นที่จังหวัด นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการชอปปิ้งออนไลน์ ที่ต้องการความมั่นใจในการซื้อ และการชำระเงิน ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทั้งสิ้น”
ล่าสุด ไซแมนเทคได้ทำการเปิดตัว Symantec Advanced Threat Protection (ATP) โซลูชันในการจัดตรวจจับและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามขั้นสูง ได้ครอบคลุมทุกจุดควบคุม สามารถสั่งการด้วยคลิกเดียวจากหน้าจอควบคุมเดียวกัน และไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง (Endpoint) โดยภัยคุกคามขั้นสูง เช่น มัลแวร์เรียกค่าไถ่ โทรจัน ที่มีความสามารถในการเข้าถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทางได้จากระยะไกล ตลอดจนภัยคุกคามขั้นสูง Advanced Persistent Threat (APT) และการโจมตีที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน (Unknown Threat) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การที่ผู้ดูแลระบบพึ่งพิงการใช้ผลิตภัณฑ์แบบติดตั้งเฉพาะจุด ซึ่งถูกติดตั้งไว้ที่จุดควบคุมแต่ละจุดเพื่อหยุดยั้งภัยคุกคามไม่เพียงพออีกต่อไป
ด้วยโซลูชัน ATP ของไซแมนเทค จะสามารถตรวจพบภัยคุกคามที่หลากหลาย ตั้งแต่ APT ไปจนถึงการโจมตีที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน โดยครอบคลุมทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง เครือข่าย และอีเมลเกตเวย์ ด้วยการตรวจหาภัยคุกคามจากทุกจุดควบคุม และสภาพแวดล้อมในระบบ เรียงลำดับความสำคัญให้แก่สิ่งที่สำคัญมากที่สุดด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลภัยคุกคามจากจุดควบคุมภายในระบบเครือข่ายขององค์กร เข้ากับข้อมูลจากเครือข่ายทั่วโลกของไซแมนเทค
“โซลูชันจะสามารถแก้ไขปัญหาภัยคุกคามอย่างรวดเร็ว ด้วยการกักกันเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทางที่ติดเชื้อ และสกัดกั้นภัยคุกคามใหม่ๆ บนทุกจุดควบคุม ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวจากหน้าจอควบคุม ซึ่งหากลูกค้ามีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของ Symantec Endpoint Protection และ Email Security, cloud ก็จะไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมบนเครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง”